แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า

1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก

การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้

2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน

มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น

3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที

วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน อีกทั้งความเย็นจากน้ำแข็งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูสดใสและฟื้นฟูความชุ่มชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรู้สึกว่าผิวหน้าดูหมองคล้ำหรือเหนื่อยล้าสะสม แต่ทั้งนี้การใช้น้ำแข็งนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงการประคบน้ำแข็งลงบนผิวหน้าโดยตรง ควรห่อด้วยผ้าสะอาด เพื่อลดโอกาสที่ผิวหน้าจะได้รับบาดเจ็บหรือแสบจากความเย็นจัด

4. สครับผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิว

การสครับผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ AHA/BHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส รูขุมขนดูกระชับขึ้น และลดการอุดตันของรูขุมขน ควรสครับผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ในส่วนของการสครับผิวหน้านั้น ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า ไม่ควรสครับแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง แห้ง หรือแสบได้ และภายหลังการสครับก็ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อป้องกันปัญหาผิวหน้าแห้งจากการสูญเสียน้ำมันธรรมชาติไป

5. ทำโปรแกรม Linna Juve ที่ LINNA Clinic

โปรแกรม Linna Juve ซึ่งเป็น Collagen Biostimulator ที่มีส่วนผสมของ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และกรดโพลิแลกติก (Poly-D-lactic Acid, PDLLA) ผ่านขั้นตอนการฉีดเข้าโดยตรงภายใต้ชั้นผิว ทำให้เห็นผลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวหน้าดูโกลว์ กระจ่างใส รูขุมขนกระชับ มีความชุ่มชื้น แข็งแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเนียนใสและกระชับ อ่อนเยาว์ขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

  • ช่วยให้ผิวหน้าดูยกกระชับขึ้น ลดความหย่อนคล้อยและทำให้รูปหน้าดูชัดเจนขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และแข็งแรง
  • ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • เพิ่มความชุ่มชื่น ให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • เห็นได้ทันทีหลังการทำ และผิวจะดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังอยู่ได้นาน  

6. ทำโปรแกรม Linna Collagen 8X ที่ LINNA Clinic

โปรแกรม Linna Collagen 8X ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก สำหรับใครที่ไม่ต้องการฉีด โดยโปรแกรมนี้จะใช้อุปกรณ์หัว HIFU ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนภายใต้ชั้นผิว โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ในการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการทำ ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ใบหน้าเนียนใส ดูโกลว์ มีความยืดหยุ่น รูขุมขนกระชับ และผิวหน้าใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

  • ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับ
  • ช่วยทำให้ผิวมีความสดใสและสุขภาพดี
  • ช่วยให้ผิวกระชับและแน่นขึ้น ทำให้หน้าดูเรียวและได้รูป

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน ดูกระจ่างใส ที่สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากที่บ้าน แต่หากรู้สึกว่าทั้งการใช้สกินแคร์ หรือการบำรุงผิวหน้าด้วยตนเองนั้นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับใครที่เริ่มมีอายุมากขึ้น การใช้บริการจากคลินิกก็เป็นอีกทางเลือกที่เข้ามาช่วยเสริมและตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผิวหน้ากระชับและสวยใส ทั้งยังมีความปลอดภัย ที่ LINNA Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมให้คำปรึกษา สามาถเข้ามาสอบถาม ปรึกษาปัญหาผิวหน้า เพื่อให้ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด สามารถติดต่อได้ที่ LINE: @linnaclinic

Related Articles

ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามินผิว ต่างกันอย่างไร อันตรายไหม กี่ครั้งเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

ปัจจุบันที่เราต้องเผชิญกับ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับสุขภาพผิวของเราแทบทั้งสิ้น อีกทั้งอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันก็อาจทำให้เราไม่ได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็อาจทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา การเสริมด้วยวิตามินเข้มข้น ก็จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นมาได้ Table of Contents ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) คืออะไร การดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ก็คือ วิธีการให้อาหารเสริมในรูปแบบวิตามินและแร่ธาตุผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous Therapy) โดยการผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ และส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงผ่านสาย IV วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เข้มข้น และสามารถดูดซึมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งวิตามินที่ได้รับนั้น ยังมีปริมาณที่มากกว่า เมื่อเทียบกับการกินวิตามิน เพราะการกินวิตามินอาจถูกจำกัดหรือสูญเสียวิตามินบางส่วนไป ผ่านการดูดซึมของลำไส้ นอกจากนี้ การดริปวิตามินยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้านั้น ได้รับการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ต่างกันอย่างไร การฉีดวิตามินผิว และ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) นั้น ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการฟื้นฟูและเพิ่มความเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาให้แก่ให้ผิว แต่มีความแตกต่างในกระบวนการและผลลัพธ์ที่ได้ การฉีดวิตามินผิวจะเป็นการการฉีดวิตามินในปริมาณที่กำหนดเข้าสู่หลอดเลือดดำผ่านไซริงค์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดให้ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญสูง ทำให้มีความเสี่ยงหากมีการผลักตัวยาเร็วเกินไป

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Exosome อัปเดตข้อมูล Exosome ปี 2024

Exosome สกินบูสเตอร์ตัวดังที่ยังคงกระแสมาแรงอย่างต่อเนื่องด้วยคุณสมบัติอันแสนโดดเด่นของ Exosome ที่ตัวยามีค่าความบริสุทธิ์สูงและมีอนุภาคขนาดเล็กเพียง 30-150 nm. ซึ่งภายในอัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่จำเป็นต่อผิวมากกว่า 1,000 ชนิด การทำ Exosome หรือ Exosome Treatment จึงเป็นหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณเป็นเจ้าของผิวสวยดูเปล่งปลั่งราวกับกระจก (Glass Skin) ที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน Exosome ช่วยเรื่องอะไร? Exosome เหมือนกับ Stem Cell ไหม อันตรายหรือเปล่า บทความนี้จาก LINNA Clinic ชวนไขข้อสงสัยทุกคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Exosome ฉบับอัปเดตปี 2024 Table of Contents Exosome ช่วยเรื่องอะไร ตัวยา Exosome ที่สกัดได้จากเซลล์ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตอัดแน่นด้วยสารชีวโมเลกุลรวมกว่า 1,000 ชนิด เช่น Amino acids, Nucleic acids, Hyaluronic acid (HA) Growth

Exosome กู้ผิวโทรมได้จริงหรือแค่กระแส ทำ Exosome อันตรายไหม?

เทรนด์ผิวสวยในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงการเป็นเจ้าของผิวขาวใส มีออร่า แต่เป็นการมีคุณภาพผิว (Skin Quality) ที่ดูดีจากภายในสู่ภายนอก หากใครที่กำลังมองหาวิธีปรับหน้าโทรมให้กลายเป็นหน้าใส คืนความยืดหยุ่นชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรงได้อย่างล้ำลึกจากภายในต้องไม่พลาด Exosome สกินบูสเตอร์ตัวดังที่สามารถตรงเข้าฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Exosome คืออะไร? ดีจริงไหม ทำ Exosome อันตรายหรือเปล่า พร้อมวิธีดูแลตัวเองหลังทำ Exosome ดูคำตอบได้ในบทความนี้จาก LINNA Clinic Table of Contents Exosome คืออะไร Exosome (อ่านว่า เอ็กโซโซม) คือ นวัตกรรมใหม่ของการฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วยการใช้ Exosome ซึ่งสกัดแยกจากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ของสิ่งมีชีวิตด้วยเทคโนโลยี mRNA ทำให้ได้ Exosome บริสุทธิ์สูงและมีลักษณะเป็นถุงทรงกลมขนาดเล็ก 30-150 nm. ภายในอัดแน่นไปด้วยสารชีวโมเลกุลที่จำเป็นต่อกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวตลอดไปจนถึงช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน (Collagen) และเส้นใยอีลาสติน (Elastin) ใหม่ๆ ตามธรรมชาติของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันจึงนิยมทำ Exosome หรือที่เรียกว่าการทำ Exosome Treatment ตามจุดต่างๆ ทั่วใบหน้าเพื่อช่วยปรับปรุงและบำรุงผิวให้ดูเปล่งปลั่ง

Scroll to Top