Juvelook vs Rejuran vs Exosome แต่ละอย่างต่างกันอย่างไร ใครเหมาะกับอะไร

หลายคนมีข้อสงสัยว่า Juvelook  Rejuran และ Exosome ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ เกี่ยวกับเรื่องงานผิว ว่าแต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร เหมาะกับใคร และช่วยเรื่องอะไรบ้าง ได้ดูกันเลยค่ะ

Table of Contents

Juvelook คืออะไร เหมาะกับใคร

Juvelook เป็น Advanced Hybrid PLA Biostimulator ตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใช้ช้นผิวชนิดหนึ่ง ผลิตจากสาร PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) + Non-Crosslinked HA (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ปลอดภัยและย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียงต่อผิวของคนเรา ทำหน้าที่เติมเต็มร่องน้ำตา และริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยบริเวณลำคอ ผิวกระจ่างใส ปรับรูขุมขนให้กระชับ  ลดเลือนรอยแผลเป็น ลดเลือนรอยแตกบนผิวหนัง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เห็นผลลัพธ์ได้ทันที ปลอดภัย เข้ากันได้ดีกับร่างกาย เติมเต็มอย่างป็นธรรมชาติ สัมพัสเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ไม่บวม ไม่อักเสบ ไม่ต้องนวด ส่งผลให้ผิวดูอิ่มฟู แข็งแรง มีชีวิตชีวา

Juvelook เหมาะกับใครบ้าง ลองมาดูกันค่ะ

  • ผู้ที่มีริ้วรอยตื้นๆ เช่น รอยใต้ตา รอยมุมปาก รอยแก้ม
  • ผู้ที่มีรอยสิว หลุมสิว
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ข้อดี Juvelook  เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งวงการความงามเกาหลี ที่มาแรงแซง Rejuran และ Exosome  มาดูข้อดีว่ามีอะไรบ้าง ทำไมถึงได้รับความนิยม

  • เห็นผลทันที: เพราะมีตัว HA ไม่ต้องรอการกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนไหมน้ำรุ่นอื่น
  • เจ็บน้อย: เข็มมีขนาดเล็กทำให้เจ็บปวดน้อย เหมาะสำหรับคนที่กลัวเข็มหรือไม่อยากพักฟื้นนาน
  • รอยหลังทำ: ไม่ทิ้งรอยตุ่มไว้นานสามารถกลืนไปกับผิวอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมีการพักฟื้นนาน 
  • ราคาไม่แพง: เมื่อเทียบกับ Collagen Biostimulator ยี่ห้ออื่นๆ เช่น Sculptra, Radiesse ซึ่ง Juvelook ถือว่าราคาค่อนข้างคุ้มค่าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่เอื้อมถึง
  • เหมาะกับริ้วรอยตื้นๆ ปรับรูขุมขน ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส: Juvelook ช่วยแก้ปัญหาผิวเบสิคได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการปรับความละเอียดของผิว
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ไม่ใช่แค่การลดริ้วรอยเล็กๆแต่ Juvelook ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเฟิร์ม เด้งขึ้น มีความยืดหยุ่นดีขึ้น แข็งแรงขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวกระชับละเอียดขึ้น และสามารถนำมาใช้บริเวณใต้ตา และริ้วรอยลำคอได้ดีมาก
  • ปลอดภัย: Juvelook ผลิตจาก  PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid)  + Non-Crosslinked HA (Hyaluronic Acid) acid สารสังเคราะห์ที่ปลอดภัย ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
  • กระชับรูขุมขน: เน้นเรื่องรูขุมขนโดยเฉพาะ แต่ Juvelook ก็ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ปรับให้ผิวมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน ชุ่มชื่นขึ้น

Exosome คืออะไร เหมาะกับใคร

Exosome เป็นสารที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโน โดยมีขนาดเล็กกว่าเซลล์โดยทั่วไปถึง 1/1,000 เท่า และมีขนาดของอนุภาคเพียง 30-100 นาโนเมตร และมีสารประกอบหลักสำคัญ เช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA, Biological compounds และโปรตีนขนาดเล็กอีกมากมาย ที่จะช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพิ่มจำนวนเซลล์ ปรับภูมิคุ้มกันผิว ต่อต้านการแพ้ ช่วยฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ และเป็น Anti-aging ของผิว ทำให้เซลล์ผิวดูเด็กลงและช่วยชะลอวัย โดยการเป็นสารสกัดจากเต็มเซลล์ที่เข้มข้นถึง 6000 ล้าน Particles จึงช่วยฟื้นฟูได้ดีค่ะ

Exosome เหมาะกับใครบ้าง ลองมาดูกันค่ะ

  • ผู้ที่มีริ้วรอยตื้นๆ: โดยเฉพาะบริเวณร่องน้ำตา และริ้วรอยรอบด้วยตา ริ้วรอยบริเวณลำคอ ริ้วรอยแห่งวัย
  • ผู้ที่มีรอยสิว: เกิดสิวอักเสบ รอยแผลเป็นจากสิว
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
  • ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ: ใต้ตาคล้ำ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผู้ที่มีผิวแห้ง: ไม่ชุ่มชื่น ผิวลอก
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างผิว: ให้ดูเรียบเนียน แข็งแรง

ข้อดีของการฉีด Exosome 

  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: Exosome ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู แข็งแรง มีชีวิตชีวา โดยไม่สร้างเอฟเฟคต์ “หน้าโป๊ะ”
  • เห็นผลลัพธ์เร็ว: ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด คุณจะเริ่มสังเกตเห็นผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส ขึ้น
  • ผลข้างเคียงน้อย: Exosome มีความปลอดภัยสูงและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า สารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดอื่น ๆ อาจจะมีอาการบวมแดง ช้ำเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์ หรือในบางคนอาจจะหายไปเองภายใน 3-4 วัน
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่: Exosome ไม่ใช่แค่ลดริ้วรอย แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดี แข็งแรง
  • ปรับโครงสร้างผิว: Exosome ช่วยปรับโครงสร้างผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ละเอียด รูขุมขนดูเล็กลง และหากฉีดต่อเนื่องจะช่วยปรับให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น ไม่แพ้ง่าย และควรฉีดต่อเนื่องตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนด
  • เหมาะกับผิวแพ้ง่าย: Exosome มีความอ่อนโยน เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย โดยทั่วไปไม่ค่อยก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ปลอดภัย: เนื่องจากเป็นสารที่ได้มาจากเซลล์มนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

Rejuran คืออะไร เหมาะกับใคร

สำหรับ Rejuran จะเป็นสารสกัดเข้มข้นจากปลาแซลมอน ที่นำมาสกัดสารที่เรียกว่า Polynucleotide (PN) ซึ่งจะเป็นสารที่มีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด โดยจะช่วยเร่งขบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรง มีความชุ่มชื้น กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้นค่ะ

Rejuran เหมาะกับใครบ้าง ลองมาดูกันค่ะ

  • ผู้ที่ต้องการสุขภาพผิวดี เป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ต้องการผิวหน้าเต่งตึง
  • ผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้า
  • ผู้ที่กำลังรักษาหลุมสิว
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวชุ่มชื้น

ข้อดี

  • ผิวยกกระชับ
  • เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิว
  • ความคุมความชุ่มชื้นและความมันของผิว
  • รูขุมขนกระชับแน่นขึ้น
  • ผิวเรียบเนียน แลดูกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ
  • ลดเลือนริ้วรอย

การฉีดแต่ละอย่างต้องดูแลตนเองอย่างไรหลังจากฉีด

  • หลังฉีด: อาจมีอาการบวม แดง ช้ำเล็กน้อย บริเวณที่ฉีด
  • การดูแล: ประคบเย็น 15-20 นาที 2-3 ครั้งต่อวันในวันแรก
  • ข้อควรระวัง:
    • งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด 24 ชั่วโมง
    • งดกิจกรรมหนัก งดออกกำลังกาย งดสปา ประมาณ 1 สัปดาห์
    • งดสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง
    • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
    • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

ราคาแต่ละตัวแตกต่างกันไหม

ราคา Juvelook:

  • Juvelook 1 ขวด (6ซีซี) ประมาณ 16,000-25,000 บาท

ราคา Rejuran:

  • Rejuran Healer 1 หลอด (2ซีซี) ประมาณ 8,000-10,000 บาท

ราคา Exosome:

  • Exosome 1 ขวด (5ซีซี) ประมาณ 10,000-18,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ราคาของสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใช้ช้นผิวแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุ Rejuran เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20-35 ปี และเหมาะกับคนที่มีเวลามาทำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากตัวยาอาจจะอยู่ไม่ได้นาน อยู่ได้ 2-3 เดือน  Exosome เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30-50 ปีขึ้นไป และเหมาะกับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย มีปัญหาผิวไม่แข็งแรง หรือมีปัญหาผิวค่อนข้างเยอะ ฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ซึ่งผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก ฉีด 1 ครั้ง อาจอยู่ได้ 3-5 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ส่วนคนที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน กระจ่างใส แต่ไม่ค่อยมีเวลาและต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน เหมาะกับการ ฉีด Juvelook อย่างมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม หมอแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสม ควรแจ้งประวัติการแพ้ ยาที่ใช้ และสภาพผิวของคุณให้แพทย์ทราบที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์รวมถึงตัวยาที่ใช้ปลอดภัยมี อย. สามารถฉีดได้ มั่นใจได้และคนไข้สามารถปรึกษาลินนาคลินิกได้ที่เบอร์ 063-609-8888 หรือทางไลน์ @linnaclinic ค่ะ

Related Articles

What Is Spike Protein and Why Should You Get Tested?

Since the global outbreak of COVID-19 in late 2019, the term “Spike Protein” has become central to modern medical and biological research — featured in thousands of peer-reviewed studies. It plays a critical role in both the infection mechanism of SARS-CoV-2 and the foundation of next-generation vaccine technologies. The spike protein functions as a biological

“LINNA Crystal Bond” คืออะไร ช่วยเรื่องสุขภาพหลอดเลือด ไตเสื่อม เบาหวาน และโรค NCDs อื่นๆได้จริงไหม? มีผลข้างเคียงไหม ?

จุดเริ่มต้นของ “LINNA Crystal Bond” ไม่ได้มาจากสูตรลับตำรับที่ส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น แต่มาจากคำถามธรรมดาข้อหนึ่ง ที่ทีมแพทย์ของลินนาเวลเนสเคยตั้งไว้ว่า… “ทำไมคนที่ดูแลสุขภาพดีอยู่แล้ว ยังป่วยด้วยโรคเรื้อรังแบบไม่ทันตั้งตัว?” คำถามนี้นำไปสู่การค้นคว้าอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ พลังงานในระดับเซลล์และการดูแลหลอดเลือด รวมถึงการฟื้นฟูร่างกายที่มากกว่าแค่การพักผ่อนหรือการกินอาหารคลีน กระทั่งได้ค้นพบว่า พืชสมุนไพรบางชนิด ไม่เพียงแค่บำรุงร่างกาย แต่สามารถกระตุ้นการ “สร้างพลังงานใหม่” ให้กับเซลล์ในร่างกายที่กำลังเสื่อมถอย ได้อย่างน่าทึ่ง จนสามารถฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้นได้แบบองค์รวม จุดนี้เองคือที่มาของ “เครื่องดื่มพืชสมุนไพร” หรือ “LINNA Crystal Bond” ที่เป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ LINNA Wellness ได้รังสรรค์ออกมาโดยความร่วมมือของแพทย์ทางเลือกและทีมวิจัยนวัตกรรมพืชสมุนไพร รวมทั้งทีมเวชศาสตร์พลังงานชีวิตและธรรมจิต เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนแบบยั่งยืน Table of Contents LINNA Crystal Bond คืออะไร? คือ เครื่องดื่มพืชสมุนไพรม็อกเทล (Holistic Herbal Mocktail) สูตรเฉพาะของ LINNA Wellness ที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพระดับเซลล์ได้อย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด Plant-Based Medicine x Chronobiology x Energy

ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามินผิว ต่างกันอย่างไร อันตรายไหม กี่ครั้งเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน

ปัจจุบันที่เราต้องเผชิญกับ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับสุขภาพผิวของเราแทบทั้งสิ้น อีกทั้งอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันก็อาจทำให้เราไม่ได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็อาจทำให้ผิวของเราหมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา การเสริมด้วยวิตามินเข้มข้น ก็จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นมาได้ Table of Contents ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) คืออะไร การดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ก็คือ วิธีการให้อาหารเสริมในรูปแบบวิตามินและแร่ธาตุผ่านทางหลอดเลือดดำ (Intravenous Therapy) โดยการผสมวิตามินเข้ากับน้ำเกลือ และส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงผ่านสาย IV วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เข้มข้น และสามารถดูดซึมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งวิตามินที่ได้รับนั้น ยังมีปริมาณที่มากกว่า เมื่อเทียบกับการกินวิตามิน เพราะการกินวิตามินอาจถูกจำกัดหรือสูญเสียวิตามินบางส่วนไป ผ่านการดูดซึมของลำไส้ นอกจากนี้ การดริปวิตามินยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า ทำให้ร่างกายที่อ่อนล้านั้น ได้รับการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ฉีดวิตามินผิว กับ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) ต่างกันอย่างไร การฉีดวิตามินผิว และ ดริปวิตามิน (Vitamin Drip) นั้น ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการฟื้นฟูและเพิ่มความเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาให้แก่ให้ผิว แต่มีความแตกต่างในกระบวนการและผลลัพธ์ที่ได้ การฉีดวิตามินผิวจะเป็นการการฉีดวิตามินในปริมาณที่กำหนดเข้าสู่หลอดเลือดดำผ่านไซริงค์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดให้ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญสูง ทำให้มีความเสี่ยงหากมีการผลักตัวยาเร็วเกินไป

Scroll to Top