Botox

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ โหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง เสริมเสน่ห์ สร้างบารมี ปรับหน้าสวยทั้งทีต้องดีทุกด้าน

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ความสวยที่ไม่ใช่แค่เพียงถูกหลักความงามทางวิทยาศาสตร์อย่าง Golden Ratio แต่ยังต้องสอดคล้องเข้ากับหลักโหงวเฮ้ง (Mien Shiang) ศาสตร์ของการทำนายทายทักคุณสมบัติและอุปนิสัยของแต่ละบุคคลได้จากลักษณะภายนอก มากไปกว่านั้นคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านยังมีความเชื่อว่าโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีจะช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ทำให้ใบหน้าสวยงามน่ามองทั้งยังเป็นการช่วยเติมเต็มพลังบวกดึงดูดแต่เรื่องดีๆ ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้านของชีวิตไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ความรักและครอบครัว สาวๆ คนไหนที่กำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ต้องเป็นแบบไหน? ปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น ทำได้อย่างไร? ตามมาเสริมพลังความสวยด้วยหลักโหงวเฮ้งใบหน้าในบทความนี้ของลินนา คลินิก (LINNA Clinic) กันได้เลยค่ะ ลักษณะโหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ใบหน้าผู้หญิง ที่ดีต้องเป็นอย่างไร? หากอิงจากตำราความเชื่อของชาวจีนแล้วนั้นลักษณะโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ประกอบไปด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ หน้าผาก ตา จมูก ปาก และคาง โดยที่ทุกอย่างจะต้องมีสัดส่วนที่สมดุลรับเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ ดังนี้ หน้าผาก หน้าผากนับเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของใบหน้าจึงเปรียบเสมือนจุดพลังงานสำคัญที่จะช่วยเสริมโชคชะตา โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ที่บริเวณหน้าผากต้องมีลักษณะกลมมน มีความโหนกนูนในระดับที่พอเหมาะไม่ยกสูงหรือราบเรียบจนเกินไป และที่สำคัญโหงวเฮ้งหน้าผากผู้หญิงที่ดูดี ช่วยเพิ่มบารมี โชคลาภวาสนาจะต้องเป็นหน้าผากที่ดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีรอยแผลเป็นหรือริ้วรอยร่องลึกต่างๆ […]

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ โหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง เสริมเสน่ห์ สร้างบารมี ปรับหน้าสวยทั้งทีต้องดีทุกด้าน Read More »

เทรนด์การฉีดโบท็อก แบบไหนที่นิยมในหมู่ Celeb

ดารา Hollywood เริ่มฉีด เบบี้โบท็อก (Baby Botox) จนเป็นเทรนด์ฮอตฮิตอยู่ตอนนี้ ดาราสาวหลายคนกล่าวว่า รู้สึกว่าการฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อก (Baby Botox) เป็นวิธีที่ทำให้มีความอ่อนเยาว์หน้าดูเด็กที่สุดทำให้ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ Table of Contents เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คืออะไร เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คือ เทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) แบบใหม่ล่าสุดที่ฮิตมากในหมู่เซเลปคนดังฮอลลีวูดถือเป็นเทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) เพื่อเน้นลดริ้วรอย เช่น รอยย่นบนบริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และรอยตีนกา แต่ใบหน้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณรอยลึก สำหรับการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยจะเห็นผลชัดเจนในการแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว ริ้วรอยตีนกา การยิ้ม ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากปัญหากระดูกทรุดตัว อาจจะต้องแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์หนุนในชั้นผิว เพราะสารเติมเต็มในฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้มากกว่าการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยค่ะ 3 เทคนิคฉีดโบท็อก (Botox)

เทรนด์การฉีดโบท็อก แบบไหนที่นิยมในหมู่ Celeb Read More »

อยากฉีดโบท็อก (Botox) แต่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ทำอย่างไรดี

ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง หมอจะทำการแปะยาชาหรือใช้น้ำแข็งช่วยประคบเย็นก่อนทำการฉีดทุกครั้ง รวมถึงเข็มที่ลินนาคลินิกเลือกใช้จะมีขนาดที่เล็กเป็นพิเศษ จึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับเข็มที่มีขนาดทั่วไปค่ะ หากใครที่มีความกลัวเข็มมากเป็นพิเศษก็สามารถขอทำการแปะยาชาก่อนได้เช่นกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  และเราเองมีการใช้ตัว Face Vibration เพื่อช่วยในการเบนความสนใจได้ด้วยเช่นกัน และยังมีตัวช่วยอื่นๆที่หมอสรุปไว้ให้ด้านล่างนี้ด้วยเช่นกันค่ะ นอกจากนั้นทางหากท่านใดมีความกังวลหรือไม่สบายใจตรงจุดไหนสามารถเข้ามาพูดคุยสอบถามรายละเอียดขั้นตอนการรักษากับหมอได้ที่ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) ก่อนได้เลยนะคะ Table of Contents คนกลัวเข็มจัดการกับการกลัวอย่างไรดี การแก้ไขอาการกลัวเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มที่ตัวเราเองได้เลยค่ะ มีวิธีการดังนี้ ปรับทัศนคติของตัวเองใหม่ การจัดลำดับความคิดของตัวเองให้ได้เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ก่อนอื่นให้ปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งที่ตัวเองกลัว ยกตัวอย่าง เช่น การกลัวเข็ม โดยให้คิดว่าการเผชิญหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปสามารถทำได้โดยค่อย ๆ เอาตัวเองไปอยู่กับสิ่งๆนั้นให้มากขึ้นไม่ต้องทำในทันทีทันใดนะคะ ให้ค่อย ๆ ทำ เช่น ไปอยู่กับเพื่อนที่ทำมาแล้วสวยเราก็จะเริ่มซึมซับและปรับทัศนคติให้กลัวน้อยลงและมีความกล้ามากขึ้นที่จะทำค่ะ ตั้งสมาธิและผ่อนคลาย คนที่ไม่กล้า ผ่า ฉีดยา การตั้งสมาธิช่วยทำให้เราใจเย็นลงได้ แต่มันทำได้มากกว่านั้นค่ะ โดยการตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้า-ออกจะช่วยให้จิตใจของเรานิ่งมากขึ้นค่ะ โดยคนเป็นโรคนี้ถ้าหากฝึกไปเรื่อย ๆ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ก็จะสามารถ ควบคุมสติและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้มากขึ้นค่ะ การเบี่ยงเบนความสนใจ หากกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ให้พยายามคิดถึงสิ่งอื่นแทนค่ะโดยก่อนทำอาจจะแจ้งหมอของเราว่าให้ช่วยพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในขณะที่ฉีดยาชา สมองจะได้คิดไปเรื่องอื่นไม่มาโฟกัสเรื่องนี้หรือขณะที่ทำให้ตัวเองหันหน้าไปมองทางอื่นเพื่อจะได้ไม่มองเห็นซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยค่ะ ใช้ตัวยา Penthrox ช่วย

อยากฉีดโบท็อก (Botox) แต่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ทำอย่างไรดี Read More »

มีโรคประจำตัวอยู่ ฉีดโบท็อก (Botox) ได้ไหม

ก่อนอื่นหมอแนะนำผู้ที่จะเข้ามาทำการฉีดโบท็อก (Botox)  มาเช็คความพร้อมของสุขภาพกันเสียก่อน โดยจะต้องไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ และให้นมบุตรส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น คนที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คนที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืน ควรหลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัย และก่อนฉีดโบท็อก ไม่ควรปกปิดโรคประจำตัวกับแพทย์ผู้ให้การรักษาค่ะ Table of Contents ข้อควรพิจารณาก่อนการฉีดโบท็อก (Botox) สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อความปลอดภัย  ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก (Botox)  แพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมของคุณโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของโรคประจำตัว: บางโรคอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือระบบประสาท ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการฉีดโบท็อก (Botox) ได้ ยาที่รับประทานอยู่: ซึ่งยาบางชนิดอาจมีปฏิกิริยาต่อกันกับโบท็อก (Botox) ประวัติการแพ้ยา: หากคุณเคยแพ้ยาใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ทุกชนิดควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้งก่อนทำการฉีดโบท็อก (Botox) หมอแนะนำห้ามฉีดโบท็อก (Botox) เองโดยเด็ดขาดเนื่องจากโบท็อก (Botox) เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงหากใช้ไม่ถูกต้อง การฉีดผิดจุด หรือฉีดในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจส่งผลเสียร้ายแรงได้ เช่น ใบหน้าเบี้ยว ตาตก ปากตกเป็นต้น ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเสมอเพื่อความปลอดภัยค่ะ โรคประจำตัวใดห้ามฉีดโบท็อก (Botox) ผู้ป่วยโรคระบบกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส

มีโรคประจำตัวอยู่ ฉีดโบท็อก (Botox) ได้ไหม Read More »

โบท็อก (Botox) เกาหลีกับอเมริกาตัวไหนดีกว่ากัน

การฉีดโบท็อก (Botox) ในปัจจุบันคลินิกส่วนใหญ่จะมีโบท็อก (Botox) หลายยี่ห้อให้คนไข้เลือก ซึ่งโบท็อก (Botox) เกาหลีและอเมริกาเป็นโบท็อก (Botox) ที่ได้รับความนิยมมากค่ะ สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลการฉีดโบท็อก (Botox)  หมอจะอธิบายว่าโบท็อก (Botox) เกาหลีอเมริกาคืออะไร มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจค่ะ Table of Contents โบท็อก (Botox) เกาหลี คืออะไร โบท็อก (Botox) เกาหลี คือ โบท็อก (Botox) ที่ผลิตและนำเข้ามาจากสาธารณรัฐเกาหลีหรือประเทศเกาหลีใต้ เริ่มใช้กันมาเกือบ 10 ปี ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะกระแสความนิยมของนักแสดงและนักร้องเกาหลีที่โด่งดังในเมืองไทย เลยทำให้หลายคนเริ่มอยากมีใบหน้าเรียวเหมือนคนเกาหลี เมื่อโบท็อก (Botox) เกาหลีเข้ามาประเทศไทย ทุกคนจึงมีความนิยมฉีดของเกาหลี เพราะหวังว่าจะได้หน้าเรียวสวยแบบไอดอลเกาหลี และโบท็อก (Botox) เกาหลีค่อนข้างได้รับความนิยมด้วยราคาที่ถูกกว่ามาก ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากอย. เช่นยี่ห้อ Botulax และ Nabota ความบริสุทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98.7% โบท็อก (Botox) เกาหลีกับอเมริกาตัวไหนดีกว่ากัน

โบท็อก (Botox) เกาหลีกับอเมริกาตัวไหนดีกว่ากัน Read More »

ฉีดโบท็อก (Botox) แล้ว ห้ามทำอะไร ห้ามกินอะไร เพื่อให้โบท็อก (Botox) อยู่ได้นาน

หมอต้องบอกก่อนว่าการฉีดโบท็อก (Botox)จะให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราว และผลลัพธ์ของโบท็อก (Botox) จะอยู่ได้นานหรือสั้น ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ยี่ห้อ ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก (Botox) ก็เป็นส่วนสำคัญด้วยเช่นกัน โดยหมอจะมาแนะนำว่าหลังฉีดโบท็อก (Botox) ควรดูแลตัวเองอย่างไร ให้โบท็อก (Botox) อยู่กับเราไปได้นานที่สุดดังนี้ค่ะ Table of Contents หลังฉีดโบท็อก (Botox) ห้ามทำอะไร การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก (Botox) เป็นเรื่องสำคัญ สามารถช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง และทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีบนใบหน้าของคนไข้ได้ค่ะ 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีด อย่านวด กด หรือสัมผัสแรงกับใบหน้าบริเวณที่ฉีดโบท็อก (Botox): การสัมผัสอาจทำให้โบท็อก (Botox) กระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการส่งผลต่อผลลัพธ์ บางกรณีอาจทำให้ตาตก คิ้วตก หรือปากเบี้ยวได้ อย่านอนราบหรือนอนก้มหน้า: การนอนทันทีหลังฉีดโบท็อก (Botox) หรือก้มหน้าอาจทำให้เลือดไหลเวียนไปที่ใบหน้ามากเกินไป เกิดอาการบวมหรือรอยช้ำได้และการนอนในบางกรณีถ้านอนคว้ำทำให้กดทับบริเวณที่ฉีด อาจทำให้โบท็อก (Botox) กระจายไปยังบริเวณที่ไม่ต้องการ เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ งดการอยู่ในที่ร้อน: ควรหลีกเลี่ยงความร้อนโดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด

ฉีดโบท็อก (Botox) แล้ว ห้ามทำอะไร ห้ามกินอะไร เพื่อให้โบท็อก (Botox) อยู่ได้นาน Read More »

โบท็อก (Botox) กรามเหมาะกับใคร อยากหน้าเรียวต้องอ่าน

หากลูกค้าท่านใดที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อก (Botox) กรามอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคนที่อยากให้หน้าเรียว  เนื่องจากโบท็อก (Botox) กรามเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยตัวยาโบท็อก (Botox) จะส่งผลให้กรามดูเล็กลงและหน้าดูเรียวขึ้น 1. ผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อและต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเป็นวีเชฟ กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เกิดจากกล้ามเนื้อกรามทำงานมากเกินไป ทำให้กรามดูใหญ่ขึ้น หน้าดูเหลี่ยมหรือเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม การฉีดโบท็อก (Botox) กรามจะเข้าไปช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อกราม ทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง ส่งผลให้หน้าเรียวขึ้นได้ 2. ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด: โบท็อก (Botox) กรามเป็นวิธีปรับรูปหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องแผลเป็น รอยช้ำ พักฟื้นเร็วกว่า และมีความเสี่ยงน้อยกว่าการผ่าตัด 3.ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หน้าเรียวที่รวดเร็ว: การฉีดโบท็อกกรามใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 15-30 นาที หลังฉีดเสร็จสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตปกติได้โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) ขอแนะนำก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก (Botox) ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินใบหน้าและความเหมาะสมของการรักษา  แพทย์จะวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้า สาเหตุของกรามใหญ่เช่น เกิดจากกล้ามเนื้อกรามใหญ่หรือเกิดจากไขมันสะสม และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณค่ะ Table of Contents กรณีใดบ้างที่อยากหน้าเรียวแต่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกกราม 1.ผู้ที่ไม่มีกล้ามเนื้อกรามหรือมีกล้ามเนื้อกรามน้อยมากการฉีดโบท็อกกรามจะไม่ส่งผลให้หน้าเรียวขึ้นเพราะกล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กอยู่แล้วแพทย์อาจแนะนำหัตถการอื่น 2.ปัญหาที่หน้าไม่เรียวเนื่องจากไขมันแพทย์จะแนะนำให้ฉีดสลายไขมันมากกว่าเพราะการฉีดโบท็อก (Botox) กรามจะไม่ช่วยลดไขมัน 3.โครงหน้ากระดูกเหลี่ยมคนไข้ที่ไม่มีไขมันและกรามเนื้อกรามที่เยอะกรณีดังกล่าวต้องทำศัลยกรรมเท่านั้นกรณีนี้การฉีดโบท็อก

โบท็อก (Botox) กรามเหมาะกับใคร อยากหน้าเรียวต้องอ่าน Read More »

ฉีดโบท็อก (Botox) กี่วันเห็นผล

โดยทั่วไป การฉีดโบท็อก (Botox) จะเห็นผลชัดเจนต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด สภาพผิว และปริมาณโบท็อกที่ใช้ (Botox) ดังนั้นหมออยากให้เข้าใจว่าระยะเวลาที่เห็นผลของการฉีดโบท็อก (Botox) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ตำแหน่งที่ฉีด:  บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบ่อย เช่น หน้าผาก รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว มักเห็นผลเร็วภายใน 3-7 วัน  บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อเยอะ เช่น กราม อาจใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ปริมาณยาที่ฉีด: ยิ่งใช้ปริมาณยาเยอะ มักเห็นผลเร็วขึ้น ชนิดของโบท็อก: แต่ละยี่ห้อมีความบริสุทธิ์และออกฤทธิ์แตกต่างกัน บางยี่ห้ออาจเห็นผลไวกว่าบางยี่ห้อค่ะ ระยะเวลาโดยทั่วไป:  ริ้วรอยบนใบหน้า: รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว รอยหน้าผาก มักเห็นผลภายใน 3-7 วัน ผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 2-4 สัปดาห์ ยกกระชับ: ยกคิ้ว ลิฟต์กรอบหน้า ผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 2-4 สัปดาห์ ปรับรูปหน้า: ฉีดกรามปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง โดยลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม ทำให้หน้าดูเล็กลง มักเห็นผลภายใน 2-3

ฉีดโบท็อก (Botox) กี่วันเห็นผล Read More »

บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก (Botox)

บริเวณบางส่วนหมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก (Botox) นะคะ เนื่องจากมีโอกาสส่งผลเสียต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหรือทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติค่ะ บริเวณหลักที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่ บริเวณเหนือคิ้วนิดหน่อย อาจทำให้คิ้วตก หรือฉีดแล้วตาดูเหนื่อยล้า ดูไม่เป็นธรรมชาติ เปลือกตา  อาจทำให้หนังตาตก ปิดตาไม่สนิท มองเห็นภาพซ้อน บริเวณใต้ตา ในเคสที่มีถุงใต้ตา อาจทำให้ถุงใต้ตาดูหย่อนชัดเจนมากยิ่งขึ้น โหนกแก้ม หน้าแก้ม ถ้าฉีดลึกไปอาจจะทำให้ยิ้มเบี้ยวได้ ร่องแก้ม ทำให้เวลาแสดงสีหน้าจะดูไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่ บริเวณที่ผิวหนังอักเสบ หรือมีแผลเปิด: เสี่ยงติดเชื้อ บริเวณที่มีอาการบวมช้ำ: อาจทำให้บวมมากขึ้น บริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่ใกล้ๆ: เสี่ยงโดนเส้นประสาท  บริเวณที่ไม่ควรฉีดอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล หมอจะพิจารณาเป็นรายบุคคลค่ะ    Table of Contents ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของการฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณที่ไม่เหมาะสม เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่าการฉีดโบท็อก (Botox)เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้ หมอขอยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราว รอยช้ำบริเวณที่ฉีด

บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก (Botox) Read More »

8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อก (Botox)

การฉีดโบท็อกเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะทำได้ง่ายและไว และมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งนี้หมอขอมาอธิบายรายละเอียดและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ Table of Contents 1. ข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อก (Botox) ข้อดีของโบท็อก (Botox) ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยระหว่างคิ้ว หางตา และรอยตีนกา • ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยทำให้กล้ามเนื้อมัดกรามมีขนาดเล็กลง กรอบหน้าดูชัดเจน • สามารถใช้ยกกระชับกรอบหน้าได้ ทำให้กรอบชัดและผิวยกกระชับ • ช่วยให้หน้าใสขึ้นด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ชั้นผิวได้ • ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดี • ช่วยลดภาวะเหงื่อออกมากเกินปกติ ตามรักแร้ มือ เท้า ได้ ลดกลิ่นตัวที่มาจากความอับชื้น • ช่วยเรื่อง Office Syndrome กล้ามเนื้อคอแข็ง ได้ • สามารถทำได้โดยไม่ต้องพักฟื้น • เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ข้อเสียของโบท็อก (Botox) • ไม่ใช่การรักษาที่ถาวร ควรทำต่อเนื่อง 4-6 เดือนขึ้นไปสามารถย้ำได้

8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท็อก (Botox) Read More »

Scroll to Top