6 วิธีลดพุง สำหรับคนไม่มีเวลาออกกำลังกาย แบบเร่งด่วน

พุงยื่น พุงย้อย ไขมันหน้าท้องเยอะ นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉุดความมั่นใจของใครหลายๆ คน เพราะปัญหาพุงป่อง หน้าท้องยื่น ทำให้เราสูญเสียบุคลิกภาพ แถมเวลาจะใส่เสื้อผ้าชิ้นไหนก็เห็นหน้าท้องได้อย่างชัดเจน สำหรับคนที่มีเวลาก็สามารถออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อช่วยลดปัญหาหน้าท้องยื่นได้ แต่สำหรับคนที่มีภาระหน้าที่รัดตัว จนแทบจะไม่มีเวลาไปไหน การออกกำลังกายคงเป็นไปได้ยาก ข่าวดีก็คือเราสามารถลดพุงแบบเร่งด่วน โดยไม่ต้องออกกำลังกายได้เช่นเดียวกันค่ะ จะมีวิธีลดพุงแบบไหนบ้างนั้น ไปดูกันได้เลยค่ะ

1. ลดการกินน้ำตาลและแป้ง

การกินน้ำตาลและแป้งเกินกว่าที่ร่างกายต้องการติดต่อกันเป็นเวลานาน จะยิ่งทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกิน (Fat) ไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกินน้ำตาลและแป้งที่ผ่านการขัดสีมาอย่างหนัก (Refined Carb) เช่น น้ำตาลทราย ไซรัป น้ำเชื่อมข้าวโพด (Corn Syrup) ขนมปังขาว ซีเรียล เส้นพาสต้า เส้นขนมจีน ฯลฯ

ควรจำกัดปริมาณการกินน้ำตาลและแป้งต่อวัน เน้นกินแป้งเชิงซ้อน (Complex Carb) หรือแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสีเป็นหลัก เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต มัน เผือก ฟักทอง ฯลฯ ช่วยให้อยู่ท้องได้นานกว่า และยังได้รับเส้นใยอาหารจากธรรมชาติ (Fiber) ช่วยลดการดูดซึมไขมันบริเวณลำไส้เล็ก และช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ลดปัญหาพุงป่อง หน้าท้องยื่น

2. กินโปรตีนให้มากขึ้น

เพียงแค่เพิ่มการกินโปรตีนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ก็ช่วยลดพุงได้แบบเร่งด่วนเช่นเดียวกันค่ะ โดยปกติแล้วร่างกายของเราควรได้รับโปรตีนวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หากมีน้ำหนัก 52 กิโลกรัม ก็ควรได้รับโปรตีนจำนวน 52 กรัม โดยควรเลือกกินโปรตีนที่ไม่ติดมัน (Lean Protein) เป็นหลัก ได้แก่ ไข่เต็มใบ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อกไก่ เนื้อปลาแซลมอนด์ นมและผลิตภัณฑ์จากนม นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ฯลฯ ซึ่งโปรตีนเป็นส่วนสำคัญในการรักษามวลกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญไขมันสะสมในร่างกาย ช่วยลดพุง ลดปัญหาหน้าท้องยื่นได้

3. ลดอาหารประเภทมันหรือทอด

อีกหนึ่งอาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงหรืองดไปเลยสำหรับคนมีพุง คือ อาหารประเภทมัน ของทอดและอาหารที่มีไขมันทรานส์ เพราะอาหารกลุ่มนี้เป็นอาหารที่มีปริมาณแคลอรีสูง (ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 kcal) และมักเป็นอาหารที่กินแล้วไม่ค่อยอยู่ท้อง ทำให้เรากินเยอะขึ้นจนทำให้ลงพุงได้ในที่สุด ตัวอย่างอาหารประเภทมัน และของทอดที่ควรงด เช่น อาหารฟาสต์ฟู้ด เบเกอรี่ โดนัท แคบหมู เนยขาวหรือครีมเทียม วิปครีม มันฝรั่งทอดกรอบ ฯลฯ โดยให้เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกด้วยการต้ม ผัด ตุ๋น หรือนึ่ง เพื่อช่วยลดปริมาณไขมันและแคลอรี

4. ลดพุงแบบเร่งด่วนด้วยการทำ IF

การทำ IF หรือ Intermittent Fasting คือ การกำหนดช่วงเวลาที่สามารถกินอาหารได้และช่วงเวลาที่ต้องหยุดกินอาหาร ซึ่งมีรูปแบบของการทำ IF ให้เราเลือกทำได้ตามความสะดวก เช่น การทำ IF แบบ 16/8 คือ การอดอาหาร 16 ชั่วโมง และกินอาหาร 8 ชั่วโมง การทำ IF แบบ 12/12 คือ การกินอดอาหาร 12 ชั่วโมง และการกินอาหารใน 12 ชั่วโมง เป็นต้น ในช่วงเวลาที่เราอดอาหาร ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) และดึงเอาไขมันเก่าที่เก็บสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมาใช้เป็นแทน เช่น ไขมันที่หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน และสะโพก การทำ IF จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดพุงได้ โดยไม่ต้องออกกำลังกาย

**ก่อนเริ่มทำ IF ควรศึกษาข้อมูล เพื่อกำหนดโภชนาการที่เหมาะสมกับร่างกาย

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

เพียงแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย (ประมาณ 1.5-2 ลิตร/วัน) ก็สามารถช่วยให้หน้าท้องแบนราบ ลดอาการพุงยื่น พุงป่องได้ค่ะ เพราะน้ำจะช่วยกระตุ้นให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ทั้งระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย ลดปัญหาท้องผูก ช่วยดีท็อกซ์ของเสียออกจากร่างกาย ทำหน้าให้ท้องแบนราบ ลดพุงยื่นได้ นอกไปจากช่วยลดหน้าท้องแล้วนั้น การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวันยังมีส่วนกระตุ้นให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ ลดปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้อีกด้วย

6. สลายไขมันด้วยความเย็น ด้วย Cool Swiss Prime

เป็นเทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันในร่างกาย (ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง) ได้อย่างปลอดภัยและเห็นผล โดยการปล่อยความเย็นที่ -5 ถึง -11 องศา ผ่าน Applicator ลงไปสู่ชั้นผิว เพื่อฟรีซเซลล์ไขมันให้เย็นจัด จนเซลล์ไขมันในชั้นผิวตายไปอย่างถาวร และร่างกายจะขับเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกมาตามกลไกธรรมชาติ ส่งผลให้ไขมันในบริเวณดังกล่าวจะลดลงอย่างถาวร (หากไม่มีภาวะน้ำหนักตัวเพิ่มในภายหลัง) ทำให้สัดส่วนดูกระชับ ลดพุง ช่วยให้หน้าท้องเรียบสวยได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย

ข้อดีของการสลายไขมันด้วย Cool Swiss Prime

  • สามารถสลายไขมันได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นไขมันใต้แขน ไขมันที่หลัง ไขมันกลางพุง ไขมันด้านข้าง (ห่วงยาง) ไขมันสะโพก และไขมันที่ต้นขา โดยการทำ 1 รอบ สามารถเลือกทำได้ 4 จุด ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องเข้ามาทำบ่อยๆ
  • สามารถสลายไขมันได้อย่างถาวรได้ถึง 20-30% ต่อครั้ง ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผลเป็น
  • ใช้เวลาในการทำเพียงจุดละ 35 นาที
  • ไม่เจ็บ เพราะมีระบบ Pre-heating ก่อนทำ มีระบบนวดแบบดูดคลายในระหว่างการทำ และมีระบบ Post-Heating หลังทำ เพื่อช่วยลดอาการช้ำและอาการแดง
  • ตอบโจทย์คนที่อยากลดพุง ลดไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือคุณแม่หลังคลอดก็สามารถทำได้
  • เริ่มเห็นผลลัพธ์หลังการทำเพียง 3-4 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังทำ 1-2 เดือน

สำหรับใครที่มีปัญหาพุงย้อย มีพุง แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือลองลดน้ำหนัก ลดรอบพุงมาหลากหลายวิธีแต่ก็ยังไม่เห็นผล สามารถเข้ามาปรึกษา และเข้ารับบริการสลายไขมันด้วยระบบ Cool Swiss Prime ที่ Linna Clinic เราพร้อมช่วยคุณกระชับสัดส่วน ลดไขมันสะสมในบริเวณที่กวนใจ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอน ให้คุณมั่นใจได้ในทุกผลลัพธ์

Related Articles

วิธี ลดน้ำหนักแบบเร็ว โดยไม่พึ่งยาไม่โยโย่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันนั้น มีอาหารให้เราได้เลือกทานมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอาหารหลากหลาย แถมยังมีรสชาติอร่อย ทำให้ใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ เกิดความกังวลเรื่องน้ำหนักที่อาจเพิ่มมากขึ้นได้ อีกทั้งด้วยวัยและอายุที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้ระบบการเผาผลาญนั้นทำได้น้อยลง เราจึงอยากมาแนะนำไอเดียสำหรับการลดน้ำหนักที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่โยโย่ ไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนักที่ส่งผลเสียต่อร่างกายด้วย            1.หลีกเลี่ยงหรืองด อาหารที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ขนม ของทอด ขนมกรุบกรอบ อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ สำหรับใครที่ติดการทานขนม หรือการทานของหวาน ของทอดนั้น อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในช่วงแรก แต่ถ้าหากเรามีความอดทนและหักห้ามใจได้สำเร็จ วิธีนี้จะส่งผลดีอย่างมาก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว อาหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราแต่อย่างใด สำหรับใครที่รู้สึกว่าการงดเลยในทันทีเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ก็อาจเลือกเป็นการค่อยๆ ลดปริมาณในการทานลง โดยใน 1 สัปดาห์ อาจมีการกำหนดว่าจะสามารถทานขนม หรือของทานเล่นได้กี่ครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญเลยนั่นก็คือ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความเครียดได้ และเมื่อเกิดความเครียด ก็จะส่งผลให้เรารู้สึกท้อ และทำให้ไม่สามารถควบคุมอาหารได้ในที่สุด นอกจากนี้เราควบเลือกทานอาหารที่สมดุลและหลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้

Radiofrequency (RF) Treatment คืออะไร ดีจริงไหม เห็นผลแค่ไหน

คลื่นความถี่วิทยุ (RF) คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 100 kHz ถึง 300 GHz คลื่น RF ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายสาขา รวมถึงการแพทย์ อุตสาหกรรม และการสื่อสาร ในการแพทย์ คลื่น RF ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การผ่าตัด การรักษาโรค และการตรวจวินิจฉัย การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม ใช้ในการยกกระชับผิว กำจัดริ้วรอย และลดไขมันส่วนเกิน การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ทำงานโดยการส่งพลังงานคลื่น RF ไปยังผิวหนัง พลังงานคลื่น RF จะทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนัง ความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และไขมันส่วนเกินลดลง Table of Contents ประโยชน์ของการรักษาด้วย RF มีอะไรบ้าง ไม่ต้องผ่าตัด: การรักษาด้วย RF สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แต่ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ หรือยานอนหลับ ไม่ต้องพักฟื้น:

เครื่อง RF คืออะไร 

เทคโนโลยี RF (Radio Frequency) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก โดยคลื่นความถี่วิทยุจะทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนังชั้นลึก ส่งผลให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน ลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี เทคโนโลยี RF มีหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีความถี่และความยาวคลื่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ประเภทของเทคโนโลยี RF ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ RF monopolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วเดียวในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ RF bipolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วสองในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวบริเวณเล็ก ๆ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และรอบดวงตา RF tripolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วสามในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวบริเวณกว้าง ๆ เช่น หน้าท้อง แขน ขา ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเทคโนโลยี RF จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

Scroll to Top