วิธี ลดน้ำหนักแบบเร็ว โดยไม่พึ่งยาไม่โยโย่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในปัจจุบันนั้น มีอาหารให้เราได้เลือกทานมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอาหารหลากหลาย แถมยังมีรสชาติอร่อย ทำให้ใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ เกิดความกังวลเรื่องน้ำหนักที่อาจเพิ่มมากขึ้นได้ อีกทั้งด้วยวัยและอายุที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็ทำให้ระบบการเผาผลาญนั้นทำได้น้อยลง เราจึงอยากมาแนะนำไอเดียสำหรับการลดน้ำหนักที่ทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่โยโย่ ไม่ต้องพึ่งพายาลดน้ำหนักที่ส่งผลเสียต่อร่างกายด้วย

           1.หลีกเลี่ยงหรืองด อาหารที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ขนม ของทอด ขนมกรุบกรอบ อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ สำหรับใครที่ติดการทานขนม หรือการทานของหวาน ของทอดนั้น อาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในช่วงแรก แต่ถ้าหากเรามีความอดทนและหักห้ามใจได้สำเร็จ วิธีนี้จะส่งผลดีอย่างมาก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว อาหารเหล่านี้ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพของเราแต่อย่างใด สำหรับใครที่รู้สึกว่าการงดเลยในทันทีเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ก็อาจเลือกเป็นการค่อยๆ ลดปริมาณในการทานลง โดยใน 1 สัปดาห์ อาจมีการกำหนดว่าจะสามารถทานขนม หรือของทานเล่นได้กี่ครั้ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญเลยนั่นก็คือ ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความเครียดได้ และเมื่อเกิดความเครียด ก็จะส่งผลให้เรารู้สึกท้อ และทำให้ไม่สามารถควบคุมอาหารได้ในที่สุด นอกจากนี้เราควบเลือกทานอาหารที่สมดุลและหลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี

          2.พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด ทั้งสองอย่างนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทั้งสองอย่างนี้ส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย รวมถึงการเผาผลาญและการควบคุมความหิว

  • หากเรานอนหลับไม่เพียงพอนั้น ก็จะทำให้ระดับของฮอร์โมน Ghrelin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นความหิวนั้น เพิ่มขึ้น และลดระดับของโฮโมน Leptin ที่ควบคุมความอิ่ม ส่งผลให้เรารู้สึกหิวมากยิ่งขึ้นและมีแนวโน้มที่จะกินมากขึ้นตามมา
  • ร่างกายที่พักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานนั้นทำได้ดีมากยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน หากพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะส่งผลให้ร่างกายสะสมพลังงานในรูปแบบของไขมันมากยิ่งขึ้น
  • การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ รวมถึงผลิตฮอร์โมนที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันอย่าง Growth Hormone ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันและรักษามวลกล้ามเนื้อด้วย
  • ความเครียดที่มากเกินไปจะส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน Cortisol ที่มีผลทำให้ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพและแก่เร็ว ทั้งยังเพิ่มความอยากอาหารมากยิ่งขึ้นด้วย
  • ความเครียดที่สะสมจะทำให้ร่างกายทำงานได้ช้าลง ส่งผลการกระบวนการเผาผลาญของร่างกายช้าลงตามไปด้วย และเมื่อการเผาผลาญไม่สมดุลก็จะส่งผลให้การลดน้ำนหักนั้นทำได้ยากตามมาด้วย

    ดังนั้น เราจึงควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงจัดการกับความเครียด ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายด้วยกิจกรรม เช่น การทำสมาธิ โยคะ การออกกำลังกาย ฯลฯ ก็จะช่วยร่างกายของเราผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ลดความเครียดที่จะส่งผลต่อการลดน้ำหนักของเราได้เป็นอย่างดี

          3.การดื่มน้ำเยอะๆ ปริมาณ 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย ที่ช่วยในการเผาผลาญและควบความความอยากอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว หลังตื่นนอน จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เป็นอย่างดี

  • ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกายมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยในการลดความหิวและควบคุมความอยากอาหาร
  • ช่วยในการย่อยอาหารและขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย

           4.การทำ IF หรือ Intermittent Fasting เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม และได้ผลเป็นอย่างมากสำหรับการลดน้ำหนัก เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อน สามารถทำได้ง่าย โดยจะเป็นวิธีการควบคุมอาหารที่สลับช่วงเวลาระหว่าง เวลากิน และ เวลาอดอาหาร โดยจะเน้นไปที่ช่วงเวลาในการทานอาหาร และไม่เน้นไปที่ชนิดของอาหารมากนัก แต่ก็ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธฺที่ดีในการทำ IF สำหรับรูปแบบการทำ IF ที่ได้รับความนิยมนั้น ได้แก่ การทำ IF แบบ 16:8 (กิน 8 ชั่วโมง อด 16 ชั่วโมง) การทำ IF แบบ 4:20 (กิน 4 ชั่วโมง อด 20 ชั่วโมง) การทำ Eat-Stop-Eat (อดอาหาร 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง) การทำ Alternate-Day Fasting (อดวันเว้นวัน) เป็นต้น โดยในช่วงที่อดอาหารนั้น เราสามารถดื่มชา หรือ กาแฟดำ ที่ไม่ใส่น้ำตาลได้ แต่อย่างไรก็ตาม การทำ IF นั้น เราควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตหรือสไตล์ของตนตัวเอง อีกทั้ง วิธีนี้ก็ยังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวาน, โรคที่มีความเกี่ยวของกับระบบการเผาผลาญอาหาร, สตรีที่ตั้งครรภ์ ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มทำ

          5.เทคโนโลยี Cool Swiss Prime เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาไม่ค่อยอยากออกกำลังกาย และมีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ด้วยเทคโนโลยีจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการใช้ความเย็น -5 ถึง -11 องศาเซลเซียส ทำให้เซลล์ไขมันในส่วนที่ทำนั้นเล็กลงได้อย่างถาวร ทั้งยังสามารถทำพร้อมกันได้ถึง 4 จุด มาพร้อมระบบนวด Pre-heating ช่วยลดความเจ็บลง สามารถลดไขมันที่กำจัดออกได้ยากมากกว่า 20 – 25% ภายหลังการทำเพียงครั้งเดียว

  • สามารถสลายไขมันได้อย่างถาวร ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  • ใช้เวลาสั้นๆ เพียง 35 นาที
  • ทำได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น ข้างเอว, กลางพุง, ขา, ต้นแขน, หลัง, สะโพก เป็นต้น
  • เจ็บน้อย และมีการลดอาการช้ำแดงด้วยระบบ Post-Heating
  • เห็นผลได้ชัดตั้งแต่หลังทำ

การลดน้ำหนักนั้น นอกจากจะช่วยให้เรามีรูปร่างที่ดีมากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังส่งผลให้สุขภาพของเราดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพิ่มความคล่องตัว และยังลดโอกาสในการเกิดโรคภัยต่างๆ ที่มักตามมาเมื่อเรามีน้ำหนักหรือไขมันที่มากเกินไป ทั้งในปัจจุบันก็ยังมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์สำหรับคนที่ไม่มีเวลาอย่าง Cool Swiss Prime ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในยุโรป สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: ลินนา คลินิก | LINNA CLINIC | Cool Swiss Prime – LINNA CLINIC

Related Articles

Radiofrequency (RF) Treatment คืออะไร ดีจริงไหม เห็นผลแค่ไหน

คลื่นความถี่วิทยุ (RF) คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 100 kHz ถึง 300 GHz คลื่น RF ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายสาขา รวมถึงการแพทย์ อุตสาหกรรม และการสื่อสาร ในการแพทย์ คลื่น RF ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การผ่าตัด การรักษาโรค และการตรวจวินิจฉัย การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม ใช้ในการยกกระชับผิว กำจัดริ้วรอย และลดไขมันส่วนเกิน การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ทำงานโดยการส่งพลังงานคลื่น RF ไปยังผิวหนัง พลังงานคลื่น RF จะทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนัง ความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และไขมันส่วนเกินลดลง Table of Contents ประโยชน์ของการรักษาด้วย RF มีอะไรบ้าง ไม่ต้องผ่าตัด: การรักษาด้วย RF สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แต่ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ หรือยานอนหลับ ไม่ต้องพักฟื้น:

เครื่อง RF คืออะไร 

เทคโนโลยี RF (Radio Frequency) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก โดยคลื่นความถี่วิทยุจะทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนังชั้นลึก ส่งผลให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน ลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น และรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี เทคโนโลยี RF มีหลายประเภท แต่ละประเภทจะมีความถี่และความยาวคลื่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน ประเภทของเทคโนโลยี RF ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ RF monopolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วเดียวในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ RF bipolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วสองในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวบริเวณเล็ก ๆ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม และรอบดวงตา RF tripolar เป็นเทคโนโลยี RF ที่ใช้ขั้วสามในการส่งพลังงานความร้อน เหมาะกับการยกกระชับผิวบริเวณกว้าง ๆ เช่น หน้าท้อง แขน ขา ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเทคโนโลยี RF จะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

Mesofat คือ เมโสแฟตคืออะไร อันตรายไหม มีข้อดีข้อเสียอย่างไร กี่วันสลายไขมัน สิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีด

เมโสแฟต (Mesofat) หรือ ฉีดแฟต หัตถการลดไขมันเฉพาะส่วนที่กำลังมาแรงมากที่สุดในช่วงนี้ เพราะเมโสแฟตเป็นหัตถการช่วยสลายไขมันเฉพาะจุดที่ใช้แค่เพียงการฉีด ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวันเหมือนการลดไขมันด้วยวิธีอื่นๆ  ช่วยลดไขมันสะสมได้หลากหลายบริเวณ ตอบโจทย์ตรงใจคนที่ต้องการลดไขมันเฉพาะส่วนลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือผู้ที่พยายามลดน้ำหนักและลดไขมันเฉพาะส่วนด้วยตัวเองมาแล้วแต่ยังไม่เห็นผล ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเมโสแฟตลดแก้ม ลดเหนียง ฉีดเมโสแฟตลดหน้าท้อง ลดต้นแขน ต้นขา ฯลฯ สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากลดไขมันเฉพาะจุดและกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับเมโสแฟต เมโสแฟตช่วยเรื่องอะไร? เมโสแฟต อันตรายไหม? เมโสแฟตกี่วันเห็นผล? Linna Clinic (ลินนา คลินิก) รวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีดเมโสแฟตเอาไว้แบบจบครบในบทความนี้ Table of Contents เมโสแฟต (Mesofat) คืออะไร การฉีดเมโสแฟต หรือฉีดแฟต คือ การฉีดตัวยาที่ออกฤทธิ์สลายไขมันเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ไขมันในบริเวณเป้าหมายแตกตัวและมีขนาดเล็กลง จากนั้นไขมันเหล่านั้นจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะและอุจจาระ ส่งผลให้บริเวณที่เป้าหมายที่ฉีดเมโสแฟตมีไขมันน้อยลง เช่น ไขมันที่แก้ม ไขมันที่คางและเหนียง ไขมันหน้าท้อง ไขมันที่สะโพก ฯลฯ เมื่อโครงสร้างชั้นผิวมีขนาดเล็กลงสัดส่วนก็จะดูเรียวกระชับมากยิ่งขึ้น เมโสแฟต ช่วยเรื่องอะไร หลักๆ แล้วตัวยาเมโสแฟตจะมีส่วนผสมของวิตามินและตัวยาที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติเป็นหลัก ได้แก่ สารสกัดจากถั่วเหลือง ไข่แดง อาร์ติโช๊ค

Scroll to Top