มาทำความเข้าใจ ระหว่าง Thermage กับ Ulthera กันเถอะ!

อย่างแรกต้องยอมรับว่าหลักการของ Thermage กับ Ulthera คล้ายคลึงกัน และการเพื่อทำความเข้าใจและไม่ให้เกิดความสับสนวันนี้เราจะมาอธิบายความแตกต่าง ข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวกันค่ะ

สารบัญ

เริ่มที่เครื่องเทอร์มาจ (THERMAGE) กันก่อนเลยค่ะ

เทอร์มาจเป็นเครื่องมือแพทย์ที่คิดค้นมาตั้งแต่ช่วงปี 2000 ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็ 18 ปี เลยทีเดียว เทอร์มาจ คือ การนำเทคโนโลยีความถี่ของคลื่นวิทยุที่เป็นแบบขั้วเดียวที่เจาะจงตำแหน่ง ปัจจุบันมีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนสามารถกระตุ้นได้ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน จนลึกขึ้นถึงชั้นกล้ามเนื้อเลยทีเดียว

แล้วผลิตออกมานานขนาดนี้ ก็เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ทันสมัยแล้วหนะสิ

จริงๆถึงแม้จะผลิตออกมานานแล้ว แต่ Thermage ก็มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆค่ะ อย่างตัวล่าสุดจะชื่อรุ่น Thermage CPT เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว (3rd Generation) จึงพัฒนาช่วงคลื่นให้แม่นยำ เจาะจงมากขึ้น โดย Thermage CPT จะใช้คลื่น Monopolar RF ซึ่งใช้ความถี่คลื่นวิทยุเพื่อสร้างความร้อนให้แก่ผิวหนัง ซึ่งจะไม่ใช่ RF ปกติ โดย Monopolar RF จะได้ประสิทธิภาพ 100% คนไข้จะได้รับพลังงานถึงชั้นผิวที่ต้องการ 100% และรุ่นใหม่นี้ยังลดความเจ็บ และเพิ่มระบบ Vibration ส่งแรงสั่นสะเทือนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประสาทของเราด้วยค่ะ นอกจากนี้ Tip (หัว Thermage) รุ่นใหม่ ยังทำให้การกระจายพลังงานดีขึ้นมาก ลงลึกขึ้นกว่าเดิม ทำให้นอกจากจะกระชับผิวได้ดีแล้วยังสลายไขมันถาวรได้ดีอีกด้วย และการผลิตออกมานานกว่านั้น ก็ทำให้มีจำนวนผู้ที่ใช้เครื่องมากกว่า และทำให้มีการเก็บข้อมูลต่างๆมากกว่า มีผลวิจัยมากกว่า และค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวค่ะ

มาทำความรู้จักกับเครื่อง Ulthera กันต่อ

Ulthera คือนวัตกรรมการยกกระชับหน้า ที่สามารถส่งคลื่นผ่านลงลึงถึงชั้น SMAS โดยใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง ที่มีความเฉพาะเจาะจง ( Focus Ultrasound ) และแม่นยำ และพลังงานนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเล็กๆ กระตุ้นเยื่อกล้ามเนื้อในชั้นผิวให้เกิดการฟู แน่น ยึดรั้งผิวให้ตึงขึ้น และส่งผลต่อผิวภายนอก ลดการหย่อนคล้อย ริ้วรอย บริเวณใบหน้า ลำคอ เหนียง โดยการส่งผ่านคลื่น ไม่ส่งผลต่อชั้นผิว ไม่เกิดบาดแผล และไม่กระทบต่อผิวชั้นอื่น

สรุปว่าไม่ว่าจะเป็น Thermage หรือ Ulthera ก็ให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวที่พอกัน เพียงแต่คนที่ใบหน้ามีชั้นไขมันหนามากๆ การใช้ Ulthera อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะระยะการยิงของ Ulthera ไม่สามารถปรับให้ตามความหนาของชั้นไขมัน เพราะฉะนั้นการยิง Ulthera อาจจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ จึงแนะนำ Thermage มากกว่า เพราะสามารถทำการสลายไขมันได้ด้วย และยังสามารถทำบริเวณเปลือกตา ยกคิ้ว และริมฝีปากได้ ในขณะที่ Ulthera ไม่สามารถทำได้ค่ะ

ข้อเด่นของ THERMAGE จริงๆคืออะไร

อย่างที่เคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า Thermage เป็นเทคโนโลยีที่เป็น “คลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว” (Monopolar RF) คลื่นจะลงไปยังชั้นผิวที่เป็นชั้นสร้างคอลลาเจนและชั้นไขมัน ทำให้ไขมันสลายตัวได้ดี ดังนั้นคนที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวไม่กระชับ แฟตเยอะ แก้มยุ้ยๆ จะเหมาะกับการใช้ Thermage และนอกจากนั้น Thermage จะสามารถทำงานได้ตลอดชั้นของคอลลาเจน สามารถรับความร้อนที่จะกระตุ้นสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่พื้นที่ ในขณะที่ Ulthera ไม่สามารถทำได้

แล้วตกลงอะไรดีกว่ากัน

ตอบตรงๆเลยคือ ไม่มีอะไรดีไปกว่ากันค่ะ แต่ละตัวมีข้อดีต่างกัน เหมาะกับแต่ละปัญหาไม่เหมือนกันค่ะ แต่ Thermage จะอยู่ได้นาน ซึ่งทำแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และ Thermage สามารถสลายไขมันได้ถาวรและอยู่ได้ยาวนานกว่านั่นเอง

เคยมีคนบอกว่าเครื่อง RF ทั่วไปถ้าทำ 10 ครั้ง มีค่าเท่ากับ Thermage หรือ Ulthera 1 ครั้ง

อันนี้เป็นไปไม่ได้ค่ะ ไม่เท่ากันแน่นอน ถึงแม้ว่าเป็นเทคโนโลยีเดียวกัน แต่เป็นคลื่นRFคนละชนิดกัน ประสิทธิภาพของเครื่องและความลึก ความแม่นยำที่ลงสู่ผิว ตัว RF ปกติจะลงสู่ชั้นไขมันอย่างเดียว จะสลายไขมันได้ แต่ไม่ยกกระชับผิวได้เหมือนกับ Thermage หรือ Ulthera

การทำ THERMAGE อยู่ได้นานเท่าไหร่

Thermage หลังทำจะเห็นผลทันทีประมาณ 30% โดยจะเห็นผลเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จากนั้นผลจะคงอยู่อย่างน้อย 1-2 ปี โดยขึ้นกับการดูแลและสภาพผิว

LINNA Thermage CPT รีวิวจากผู้ทำจริง

หากสนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ทางไลน์เพื่อปรึกษาฟรีได้เลยค่ะ

Related Articles

แนะนำ 6 วิธีกระชับรูขุมขนแบบไว เห็นผลจริง แถมหน้าใสขึ้นด้วย

ปัญหารูขุมขนกว้างมักทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือหน้ามันได้ง่าย การกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ได้ผลเร็วและเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน มาดู 5 วิธีที่ช่วยกระชับรูขุมขนแบบไว พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า 1. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยโทนเนอร์ที่มีกรดซาลิไซลิก การทำความสะอาดรูขุมขนเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตัน โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยละลายคราบมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการเกิดสิว และกระชับรูขุมขนเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง แนะนำให้ใช้หลังจากล้างหน้าเพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงขั้นถัดไป นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30+ อย่างเป็นประจำ รวมทั้งระมัดระวังในเรื่องของการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA/BHA อีกด้วย เพราะอาจทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคืองได้ 2. มาสก์โคลนเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน มาสก์โคลนช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนดูกระชับและผิวหน้าสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ควรใช้มาสก์โคลนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยปล่อยให้มาสก์โคลนแห้งบนผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนี้มาสก์จะทำหน้าที่ดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวหน้าลงสู่ชั้นล่าง เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามาสก์แห้งและตึงผิว ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้มาส์กโคลนนั้น นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าแล้ว ก็ยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวหน้าดูสะอาดสดใสขึ้น 3. การใช้น้ำแข็งประคบผิวหน้าสำหรับการกระชับรูขุมขนทันที วิธีนี้ง่ายและได้ผลทันทีเมื่อคุณต้องการให้ผิวดูกระชับ โดยการนำผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งแล้วประคบเบา ๆ บนผิวหน้า น้ำแข็งจะช่วยหดตัวรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้าเพื่อช่วยให้เมคอัพติดทนนาน

Ultraformer คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ช่วยยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม

อยากมีผิวสวยกระชับ ดูเต่งตึง ไม่มีริ้วรอยร่องลึกและความเหี่ยวย่นต่างๆ คอยกวนใจแต่ไม่อยากผ่าตัดยกกระชับ ไม่อยากฉีดสารสังเคราะห์ทั้งพวกโบท็อกซ์ (Botox) หรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าสู่ร่างกายทำได้หรือไม่? โจทย์งานผิวจะยากเพียงใดแต่นวัตกรรมยกกระชับผิวอย่าง Ultraformer ก็เอาอยู่ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีเพื่อผิวยกกระชับ ลดริ้วรอยและกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ๆ ใต้ชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ภายในครั้งแรกที่ทำ สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิวให้สวยหล่อดูมั่นใจมากขึ้นและกำลังมีแพลนทำ Ultraformer แต่ยังไม่มั่นใจว่า Ultraformer ดีจริงไหม ราคาเท่าไหร่ หลังทำ Ultraformer ช่วยคงผลลัพธ์ผิวยกกระชับได้นานถึง 1 ปี จริงไหม? มาดูทุกคำตอบไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้จาก Linna Clinic (ลินนา คลินิก) Table of Contents Ultraformer คืออะไร? Ultraformer (อัลตราฟอร์เมอร์) คือ เทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้ทรงวีเชฟ (V-shape) โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและมีความเฉพาะเจาะจงแบบ MMFU (Micro & Macro Focus Ultrasound) เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังและสามารถลงลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนหรือผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular

Radiesse vs Sculptra เทียบกันแบบชัดๆ เลือกตัวไหนดีกว่ากัน

Radiesse vs Sculptra อันไหนดีกว่ากัน? ควรเลือกฉีดตัวไหน? เป็นคำถามที่ถูกถามเข้ามาเป็นประจำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์กระชับ เรียบเนียนอยู่เสมอเพราะการดูแลผิวด้วย Radiesse และ Sculptra ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวได้อย่างล้ำลึกและคงผลลัพธ์ยาวนานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์จึงทำให้ทั้ง 2 หัตถการนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ที่ดูคล้ายคลึงกันของ Radiesse vs Sculptra จึงอาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยได้ว่า Radiesse กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร ควรเลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน บทความนี้จากลินนา คลินิก (LINNA Clinic) จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Radiesse และ Sculptra กันให้มากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างผลลัพธ์การดูแลผิวที่ตรงใจได้มากที่สุด Table of Contents Radiesse คืออะไร Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ที่ใช้ส่วนประกอบสำคัญเป็นสาร Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ที่พบอยู่ในร่างกายของมนุษย์แค่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่ผลิตและพัฒนาโดย Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี

Scroll to Top