โบท็อก (Botox) คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) แม้จะเป็นสารพิษ แต่เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำมาฉีดเพื่อประโยชน์ด้านความงามและการแพทย์ โดยออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาทบริเวณปลายประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการฉีดไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราวส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าจางลง ใบหน้าเรียวขึ้นและสามารถรักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วยค่ะ
Table of Contents
โบท็อก (Botox) มีกระบวนการทำงานอย่างไร
หลายท่านอาจสงสัยว่าโบท็อก (Botox) ทำงานอย่างไร ดังนั้นหมอขอชี้แจงดังนี้ค่ะ
- เริ่มจากแพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดโบท็อกเข้าไปยังบริเวณชั้นกล้ามเนื้อที่ต้องการ โดยความลึกของเข็มจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกล้ามเนื้อ
- จากนั้นโบท็อกจะเข้าสู่ปลายประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ
- โบท็อกจะยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาท อะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณจากปลายประสาทไปยังกล้ามเนื้อ
- เมื่อไม่มีอะเซทิลโคลีน กล้ามเนื้อจะไม่สามารถหดตัวได้
- เนื่องจากกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ จึงส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าจึงจางลงค่ะ
ผลลัพธ์
– ผลของการฉีดโบท็อก (Botox) จะเริ่มเห็นภายใน 3-7 วัน
– ผลของการฉีดโบท็อก (Botox) จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต แบรนด์ที่ใช้ และจุดที่ฉีดค่ะ
– หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานเป็นปกติ และริ้วรอยอาจกลับมาปรากฏอีกครั้ง
ตามจริง โบท็อก (Botox) คือชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ของอเมริกา ยี่ห้อ Allergen แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายหมอขอใช้คำว่าโบท็อก เพื่อเรียกแทนสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตามค่ะ
โบท็อก (Botox) สามารถให้ประโยชน์ทั้งในด้านความงามและด้านสุขภาพอื่นๆ ซึ่งหมอคิดว่าหลายๆท่านอาจยังไม่ทราบมี 10 อย่างที่เรานิยมใช้โบท็อก มีดังนี้ค่ะ
1. ลดริ้วรอยบนใบหน้า: โบท็อก (Botox) ช่วยลดริ้วรอยเช่น รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยบริเวณหว่างคิ้ว โดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
2. ลดกราม ทำให้หน้าเรียว: โบท็อก (Botox) สามารถทำให้กรามเล็กลงและทำให้หน้าเรียวขึ้นได้อย่างธรรมชาติ
3. ยกกระชับกรอบหน้า: โบท็อก (Botox) ในบริเวณกรอบหน้าสามารถช่วยให้หน้าดูยกกระชับและมีมิติมากขึ้น โดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวา
4. กระชับรูขุมขนกระตุ้นคอลลาเจน: โบท็อก (Botox) สามารถช่วยลดขนาดรูขุมขนทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงแก่ผิว
5. ปรับปรุงรูปลักษณ์ของรอยยิ้ม: ในบางครั้งโบท็อก (Botox) สามารถใช้ปรับปรุงรูปลักษณ์ของรอยยิ้ม โดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณปากและรอบ ๆ ทำให้รอยยิ้มดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
6. บรรเทาอาการไมเกรน: การฉีดโบท็อก (Botox) ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวในผู้ที่เป็นไมเกรนโดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง
7. รักษาเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis): โบท็อก (Botox) ช่วยลดการผลิตเหงื่อในบริเวณที่ฉีด เช่น รักแร้ มือ และเท้า โดยการยับยั้งการส่งสัญญาณไปยังต่อมเหงื่อ
8. รักษาสภาวะกล้ามเนื้อกระตุก: ใช้โบท็อก (Botox) ในการรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆ ของร่างกายช่วยลดอาการกระตุกและความเจ็บปวดที่เกี่ยวข้อง
9. ช่วยรักษา Office Syndrome: โบท็อก (Botox) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและความเครียดที่เกิดจาก Office Syndrome โดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ ไหล่ และหลัง ซึ่งมักจะตึงและปวดเนื่องจากการนั่งทำงานนานๆ
10. ช่วยบรรเทาการนอนกัดฟัน: โบท็อก (Botox) สามารถช่วยลดการกัดฟันขณะนอนหลับได้ โดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ช่วยลดความเครียดที่ส่งผลต่อฟันและขากรรไกร
โบท็อก (Botox) อันตรายไหม
คำถามนี้เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หมอขออนุญาตตอบค่ะว่าการฉีดโบท็อก (Botox) จะอันตรายหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยทั่วไปหากฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้ยาแท้ ปริมาณยาเหมาะสม และดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกวิธี โอกาสเกิดอันตรายถือว่าน้อยมากค่ะ
แต่ทั้งนี้ก็มีปัจจัยที่ทำให้การฉีดโบท็อก (Botox) มีความเสี่ยงมากขึ้น ได้แก่
- ฉีดกับสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานหรือแพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาต: เสี่ยงได้รับยาปลอม ยาหมดอายุ เทคนิคการฉีดผิดพลาด ติดเชื้อ
- ใช้ยาปริมาณมากเกินไป: ใบหน้าอาจดูแข็ง เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีโรคประจำตัวบางอย่าง: เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคติดต่อเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- แพ้ยา: อาจมีอาการแพ้รุนแรง แต่อาการนี้พบได้น้อยมาก
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการฉีดโบท็อก (Botox)
โบท็อก (Botox) มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งความเสี่ยงและผลข้างเคียงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ เช่น ปริมาณของโบท็อกที่ใช้ เทคนิคการฉีด คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และสุขภาพของผู้เข้ารับการฉีด ก่อนตัดสินใจฉีด หมออยากให้ลองอ่านรายละเอียดกันก่อนค่ะ
ความเสี่ยง
- อันตรายถึงชีวิต: โดยปกติโบท็อก (Botox) จะปลอดภัยเมื่อใช้ปริมาณที่เหมาะสมและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีฉีดผิดตำแหน่ง ใช้ปริมาณมากเกินไป หรือผู้เข้ารับการฉีดมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคภูมิแพ้รุนแรง เป็นต้น
- การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงติดเชื้อหลังการฉีด หากคลินิกและแพทย์ไม่รักษาความสะอาด หรือใช้เข็มฉีดยาซ้ำผลข้างเคียงจากยาปลอม: การใช้โบท็อก (Botox) ปลอมเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากสารที่ผสมอยู่ในยาปลอมอาจเป็นอันตราย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ยี่ห้อที่ผ่านอย. และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ผลข้างเคียงทั่วไป
- รอยเขียวช้ำ บวม แดง: เป็นอาการปกติ มักเกิดขึ้นหลังการฉีดและหายไปเองภายใน 1-2 อาทิตย์
- ปวดศีรษะ: อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีด แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
- หน้าแข็งตึง: อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดโบท็อกปริมาณมากเกินไป โดยทั่วไปจะคลายลงภายใน 2-3 อาทิตย์
- หนังตาตก มุมปากตก: อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดผิดตำแหน่ง เป็นผลข้างเคียงชั่วคราว ประมาณ 1 เดือนจะค่อยๆดีขึ้น
- อาการแพ้: แม้เกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็มีความเสี่ยงแพ้โบท็อกซ์ได้ สังเกตอาการผื่นคัน บวมแดง หายใจลำบาก
ความคุ้มค่าของการฉีดโบท็อก (Botox)
ความคุ้มค่าของการฉีดโบท็อก (Botox) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งผลลัพธ์ที่คาดหวัง งบประมาณ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้และสภาพผิวของคุณ โดยรวมแล้วโบท็อก (Botox) อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่กับทุกคนนะคะ หมอขอเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียดังนี้ค่ะ
ข้อดี
- ลดเลือนริ้วรอย: โบท็อกช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า เช่น รอยเหี่ยวย่นหน้าผาก หางตา ตีนกาทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียนขึ้น
- ปรับรูปหน้า: โบท็อกสามารถลดขนาดกล้ามเนื้อกราม แก้ปัญหาหน้าบาน ช่วยให้กรอบหน้าดูเรียวขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกฉีด
- ปลอดภัย: เมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้โบท็อกแท้ การฉีดโบท็อกมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการชั่วคราว
- ไม่ต้องพักฟื้น: หลังจากฉีดโบท็อก คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง: ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อก ยี่ห้อ ชื่อเสียงของคลินิก และแพทย์ผู้ทำ
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกจะค่อยๆ จางลง ต้องฉีดซ้ำเป็นระยะ
- ความเสี่ยงจากผลข้างเคียง: แม้จะปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น อาการบวม แดง ช้ำ จุดฉีดปวดเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดยากขึ้น
- อาจไม่เหมาะกับทุกคน: ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และผู้ที่มีผิวหนังอ่อนแอมากๆ หรือแพ้สารที่อยู่ในโบท็อก
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก (Botox) ควรศึกษาข้อมูลและรีวิวของคลินิกก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับบริการที่ดีและปลอดภัย เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือและต้องใช้โบท็อก (Botox) แท้เท่านั้น หากสนใจฉีดโบท็อก (Botox) ทาง ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะเราใช้โบท็อก (Botox) แท้ทุกยี่ห้อ ตรวจสอบได้และ แพทย์ที่ฉีดมีประสบการณ์สูงค่ะ