





Home » บริการของเรา » IV Therapy
LINNA IV Therapy
IV Therapy ถือเป็นอีกหนึ่ง treatment ที่เป็นเทรนกำลังมาแรงในกลุ่มเซเลบฮอลลีวู๊ดและไทยขณะนี้ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการแฮงก์เอาท์ใหม่ล่าสุด ของเหล่าบรรดาคนดัง ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง อย่าง Madonna, Cindy Crawford Brad Pitt หรือเจ้าพ่ออุตสาหกรรมเพลง อย่าง Simon Cowell ต่างก็พากัน ไปใช้บริการ IV Therapy บางคนก็เพื่อแก้ อาการเมาค้าง อาการ jet-lag รวมทั้งอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เป็นต้น
โปรแกรมให้วิตามินทางหลอดเลือด (IV Therapy) คืออะไร
โปรแกรมให้วิตามินทางหลอดเลือด หรือ IV Therapy ทำให้สุขภาพดียิ่งขึ้น ฟื้นฟูสุขภาพถึงระดับเซลล์ เป็นวิธีการบริหารวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง กระบวนการนี้ทำภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
การรับวิตามินและสารอาหาร หรือแม้กระทั่งยาผ่านทาง IV Therapy ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว ดูดซึมได้ถึง100 % และสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ ในขณะที่การทาครีมบำรุง หรือรับประทาน ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้เพียง 10% เท่านั้น จึงไม่สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ตามที่ต้องการนอกจากนี้ สารอาหารต่างๆ อย่างกรดอะมิโนแอซิดและวิตามินหลายชนิด เมื่อต้องผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊สหรือปวดกระเพาะและอีกหลายๆ ปัญหาตามมา ในขณะที่การให้สารอาหารผ่านทาง IV Therapy จะไม่ทำเกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น
คลินิกลินนามีหลายโปรแกรม IV Therapy อะไรบ้าง
มาเริ่มที่งานผิวกันก่อนนะคะ เรามีทั้งหมด 3 ตัว
- LINNA Bright: บำรุงผิวให้กระจ่างใสท้าแดด
- Ultra Plus: งานผิวออร่า ดูแลจากภายใน ทำให้ผิวเเข็งเเรง ผิวละเอียด ลดอาการแพ้ หรือผื่น ตามตัวได้ ไม่ว่าจะนอนดึกหน้าล้าแค่ไหน ก็ตื่นมาพบกับผิวสวยกระจ่างใสในอีกวัน และส่วนผสมหลักนำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
- Ultimate Aura: งานผิวออร่า สูตรใสแบบเร่งด่วน พรีเมี่ยม ผิวนุ่มละเอียดดูแลจากภายใน ทำให้ผิวเเข็งเเรง ลดอาการแพ้ หรือผื่นตามตัวได้ และส่วนผสมหลักนำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
นอกจากงานผิวก็มาต่อกันที่การเพิ่มพลังดูแลร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นและดีท็อกซ์กันบ้างค่ะ
- E-Booster: เพิ่มพลัง เพิ่มความสดชื่น ลดอาการเหนื่อยล้า เหมาะสำหรับบางคนที่เดินทางบ่อยไม่มีเวลาพักผ่อน แก้ปัญหาอาการอ่อนเพลียจาก jetlag หรือ สำหรับคนทำงานหนัก นักธุรกิจที่เครียด เหนื่อยล้า นอนไม่หลับ ไม่ค่อยได้พักผ่อน ช่วยให้สดชื่น กระปรี้กระเป่า
- Liver Detox: การดีท็อกซ์ตับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุราเป็นประจำ และผู้ที่รับประทานอาหารไม่ถูกหลักอนามัย เช่น อาหารรสจัด ปิ้ง ย่าง นักธุรกิจ ผู้บริหาร ผู้มีความเครียดที่พักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และมีสารพิษค้างสะสม อันเป็นสาเหตุให้ตับทำงานหนัก และนำไปสู่การเกิดโรคและภาวะต่างๆ เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง ฝีในตับ โรคเบาหวาน ส่วนผสมพิเศษของตัวนี้จะมี วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโนที่จะช่วยในการสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะกลูต้าไธโอน (Glutathione) ที่ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายซึ่งช่วยขจัดสารพิษจากตับ
- Immune Enhance: ช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นภูมิคคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านเชื้อไวรัส มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างการสดชื่น ไม่อ่อนเพลียง่าย และช่วยลดความตึงเครียดอีกด้วย
- Myers’ Cocktail: เป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นโดยแพทย์ชาวมัลติมอร์ในทศวรรษ ปี 1970 จากประสบการณ์การรักษา พบว่าการรักษานี้ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีกับผู้ที่มีอาการหอบหืด ไมเกรน เหนื่อยอ่อน (รวมถึง อาการเหนื่อยอ่อนเรื้อรัง) โรคพังผืดในกล้ามเนื้อ ภาวะกล้ามเนื้อหดตัวเฉียบพลัน อาการหวัด และไซนัส ตลอดจน อาการแพ้อากาศ โรคซึมเศร้าและกังวล เป็นต้น
- NAD+ : ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย ช่วยเพิ่มพลังงานให้สมอง ลดอาการสมองอ่อนล้า ช่วยฝห้ความจำดีขึ้น ช่วยปกป้องระบบประสาท ลดความเครียด และยังเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนักและการเผาผลาญไขมันได้อีกด้วย
ข้อดีของ IV Therapy
- การให้วิตามินผ่านทางเส้นเลือดช่วยให้ดูดซึมธาตุอาหารที่จำเป็น 100% และเห็นผลเร็ว
- ฟื้นฟูความสมดุลของร่างกายระดับเซลส์
- ช่วยเสริมวิตามินเพราะร่างกายท่านจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีสมดุลของวิตามินที่จำเป็น
- ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกาย ทำให้มีแรงขึ้น
- ดีกว่าการฉีดผิวทั่วไปถึง 3 เท่า
- การรักษาด้วยวิตามินทางหลอดเลือดดำเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน
ทำไมต้องที่คลินิกลินนา
- ใช้สารที่คัดสรรอย่างดีจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน
- เน้นสารที่ผลิตจากวัตถุธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูงไม่ตกค้างในร่างกาย
- ไม่มีส่วนประกอบของสารต้องห้าม
- ควบคุมโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญมากประสบการณ์
ข้อควรระวัง
แม้การให้ IV Therapy จะเป็นที่นิยมกันมาก และช่วยแก้ปัญหาสุขภาพได้ แต่ก็มีข้อควรระวังเป็นพิเศษ นั่นคือต้องมั่นใจได้ว่าคลินิกหรือสถานประกอบการนั่นได้มาตรฐาน มีแพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด อุปกรณ์ต้องสะอาด มั่นใจว่าปลอดจากสิ่งแปลกปลอม เพราะหากเกิดการติดเชื้อขึ้นในกระแสเลือด ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น บางคนอาจมีอาการแพ้สารที่ให้ จึงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำ IV Therapy
จะต้องวัดความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ก่อนทำทุกครั้ง เพราะว่า หากผู้เข้ารับการให้ IV Therapy เกิดอาการผิดปกติ หรือความไม่สบายตัวระหว่างทำ จะได้มีการปรับความเร็วในการให้ หรือแม้กระทั่งหยุดให้ในทันทีถ้าจำเป็น และหลังทำก็จะมีการวัด ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจอีกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่าหลังให้จะไม่มีอาการที่ผิดปกติ การมีผู้ชำนาญการคอยดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างการรับบริการจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
Chelation
ในยุคที่ทุกคนต้องเผชิญมลภาวะมากมายจากทั่งสารทิศ ทำให้ร่างกายรับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เมื่อสะสมมากเข้าจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งสารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้
- สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอางค์ เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
- สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
- สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น
หลักการของ Chelation คือใช้สารไปจับกับโลหะหนักและสารพิษต่างๆในร่างกาย และขับออกทางปัสสาวะ
ข้อดีของการล้างพิษหลอดเลือดด้วยคีเลชั่นบำบัด (Chelation)
- ช่วยกำจัดตะกรันแคลเซียมและโลหะหนักที่ตกค้างของภายในหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลให้ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และคีเลชั่นบำบัด (Chelation) ยังช่วยป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
- ช่วยหยุดยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์บางชนิด เช่น เอนไซม์ชนิดที่ควบคุมการรวมตัวระหว่างออกซิเจนกับไขมัน (Lipid per-oxidation) ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
- คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ช่วยลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง
- ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งการที่เลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็ส่งผลให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะต่อมไทรอยด์ การทำงานสร้างฮอร์โมนดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายเเข็งเเรง สดชื่น
- คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการชราก่อนวัยอันควร
คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ห้ามทำให้กับบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้ EDTA อย่างรุนแรง
- ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะที่ 4-5 ยกเว้นผู้ที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไต
- เทียมได้ (renal dialysis)
- ผู้ที่มีอาการทางสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลัน (Acute lead encephalopathy)
- ผู้ที่มีประวัติผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (Total thyroidectomy) หรือผู้ที่มีระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ (Hypoparathyroidism)
อาการที่อาจเกิดขึ้นจากการทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)
หลังทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation) อาจเกิดอาการข้างเคียงบ้าง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็จะหายเป็นปกติเอง โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้
- ปวดศีรษะ
- ภาวะระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- อ่อนเพลีย เป็นระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังจากการบำบัดด้วยคีเลชั่นบำบัด (Chelation) เพียงหนึ่งครั้ง คีเลชั่นบำบัด (Chelation) เกิดจากร่างกายจำเป็นต้องนำพลังงานมาใช้เพื่อกำจัดสารพิษ โลหะหนัก แต่มีพลังงานที่ได้จากกระบวนการเมตาบอลิซึมไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลียได้
- ผื่นผิวหนัง
- หลอดเลือดดำอักเสบ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ระดับความดันโลหิตลดลง จากการคลายตัวของหลอดเลือด หรือบางรายอาจมีระดับความดันโลหิตสูงขึ้น
- การแพ้ยา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยที่จะพบผู้ที่แพ้ EDTA ส่วนใหญ่จะเป็นการแพ้สารประกอบอื่นๆ ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาในสารละลายมากกว่า
ข้อแนะนำหลังทำ IV Therapy และ Chelation
- ควรดื่มน้ำหลังทำปริมาณมาก คือให้ดื่มน้ำหนึ่งออนซ์ต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะและหลังการทำ
- งดสูบบุหรี่ หลังทำเนื่องจากการสูบบุหรี่จะทําให้ผลการบําบัดด้อยประสิทธิภาพลง
- ควรทำอบ่างจต่อเนื่องจึงจะเห็นผลชัดเจน เเนะนำอาทิคย์ละครั้ง หรือแพทย์แนะนำ