CHELATION

ในยุคที่ทุกคนต้องเผชิญมลภาวะมากมายจากทั่งสารทิศ ทำให้ร่างกายรับสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เมื่อสะสมมากเข้าจะทำให้ร่างกายผลิตสารอนุมูลอิสระที่ส่งผลเสียต่อระบบทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งสารพิษที่เป็นสาเหตุปัญหาสุขภาพนั้นมีหลายประเภท ดังนี้

  1. สารพิษจากสารเคมี ได้แก่ สารปรุงแต่งอาหาร (ทั้งสี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอางค์ เช่น แชมพู ยาย้อมผม ลิปสติก ยาทาเล็บ หรือแม้แต่ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถเข้าทางปาก ทางศีรษะ ทางผิวหนัง ผ่านเข้าทางหลอดเลือดฝอยเข้าไปสะสมในตับ
  2. สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว โลหะหนัก หากมีการสะสมของสารพิษประเภทนี้เป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการทางระบบสมองได้
  3. สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ที่สดกรอบเกินไป ภาชนะบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม ถุงใส่อาหารร้อน เป็นต้น

​หลักการของ Chelation คือใช้สารไปจับกับโลหะหนักและสารพิษต่างๆในร่างกาย และขับออกทางปัสสาวะ

ข้อดีของการล้างพิษหลอดเลือดด้วยคีเลชั่นบำบัด (Chelation)
  • ช่วยกำจัดตะกรันแคลเซียมและโลหะหนักที่ตกค้างของภายในหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส่งผลให้ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และคีเลชั่นบำบัด (Chelation) ยังช่วยป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
  • ช่วยหยุดยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์บางชนิด เช่น เอนไซม์ชนิดที่ควบคุมการรวมตัวระหว่างออกซิเจนกับไขมัน (Lipid per-oxidation) ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
  • คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ช่วยลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง
  • ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งการที่เลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็ส่งผลให้การทำงานของต่อมไร้ท่อต่างๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะต่อมไทรอยด์ การทำงานสร้างฮอร์โมนดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายเเข็งเเรง สดชื่น
  • คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการชราก่อนวัยอันควร
คีเลชั่นบำบัด (Chelation) ห้ามทำให้กับบุคคลดังต่อไปนี้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ EDTA อย่างรุนแรง
  • ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังระยะที่ 4-5 ยกเว้นผู้ที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไต
  • เทียมได้ (renal dialysis)
  • ผู้ที่มีอาการทางสมองผิดปกติจากตะกั่วเฉียบพลัน (Acute lead encephalopathy)
  • ผู้ที่มีประวัติผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (Total thyroidectomy) หรือผู้ที่มีระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ (Hypoparathyroidism)
อาการที่อาจเกิดขึ้นจากการทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)

หลังทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation) อาจเกิดอาการข้างเคียงบ้าง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็จะหายเป็นปกติเอง โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • ภาวะระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • อ่อนเพลีย เป็นระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังจากการบำบัดด้วยคีเลชั่นบำบัด (Chelation) เพียงหนึ่งครั้ง คีเลชั่นบำบัด (Chelation) เกิดจากร่างกายจำเป็นต้องนำพลังงานมาใช้เพื่อกำจัดสารพิษ โลหะหนัก แต่มีพลังงานที่ได้จากกระบวนการเมตาบอลิซึมไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดอาการอ่อนล้า อ่อนเพลียได้
  • ผื่นผิวหนัง
  • หลอดเลือดดำอักเสบ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ระดับความดันโลหิตลดลง จากการคลายตัวของหลอดเลือด หรือบางรายอาจมีระดับความดันโลหิตสูงขึ้น
  • การแพ้ยา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยที่จะพบผู้ที่แพ้ EDTA ส่วนใหญ่จะเป็นการแพ้สารประกอบอื่นๆ ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาในสารละลายมากกว่า
Scroll to Top