HIFU ดีกว่า Botox อย่างไร?

HIFU-ดีกว่า-Botox-อย่างไร

HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Botox เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

Table of Contents

อย่างไรก็ตาม HIFU มีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่า Botox ดังนี้

  • ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับอยู่ได้นานกว่า HIFU สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ผลลัพธ์ของ HIFU สามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน ขณะที่ Botox Lifting จะอยู่ได้เพียง 3-6 เดือนเท่านั้น
  • ปลอดภัย เพราะ HIFU ไม่ใช่การฉีดสารเข้าไปในผิวหนัง ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูงกว่า Botox ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ได้

เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ทำไม HIFU จึงอยู่ได้นานกว่า Botox?

HIFU ทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง คอลลาเจนและอีลาสตินเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหน้ากระชับและเรียบเนียน เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย

HIFU ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง โดยคลื่นอัลตราซาวด์จะเข้าไปทำลายเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ เซลล์ผิวใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่จะมีคอลลาเจนและอีลาสตินมากกว่าเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้นและริ้วรอยลดลง

ส่วน Botox ทำงานโดยการทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังผ่อนคลายลง ทำให้ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อลดลง Botox เป็นสารพิษที่สกัดจากเชื้อแบคทีเรียโบตุลินัม A เมื่อฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง Botox มีผลอยู่ได้นานประมาณ 3-6เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานตามปกติ และริ้วรอยจะกลับมาอีกครั้ง

นอกจากนี้อาจกล่าวได้ว่า HIFU เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ครอบคลุมปัญหาผิวได้หลากหลายมากกว่า Botox โดย HIFU สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และร่องลึกต่างๆ ได้ทั่วใบหน้าและคอ ขณะที่ Botox เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อเท่านั้น

ข้อดีอื่นๆ ของ HIFU

  • HIFU สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหน้าดูมีสุขภาพดีขึ้น
  • HIFU สามารถช่วยลดขนาดรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
  • HIFU สามารถช่วยยกกระชับผิวรอบกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

ข้อเสียของ HIFU

    • HIFU อาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำ
    • HIFU มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ Botox
    HIFU อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ผู้ที่มีการฝังโลหะในบริเวณที่จะทำ หรือ พึ่งผ่าตัดมาในบริเวณที่จะทำน้อยกว่า 6 เดือน

ข้อเสียของ Botox

    • Botox อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ 
    • Botox ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือนเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ต่อเนื่อง
    • หากฉีดบ่อยอาจเสี่ยงต่อการดื้อ Botox ได้ และทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรือไม่เห็นผล
    บางกรณี (แต่น้อยมาก) บางท่านอาจแพ้โปรตีนในโบท็อกซ์ได้

สรุป

HIFU เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีข้อดีหลายประการที่เหนือกว่า Botox ได้แก่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า ปลอดภัยกว่า ธรรมชาติกว่า และครอบคลุมปัญหาผิวได้หลากหลายกว่า อย่างไรก็ตาม HIFU มีราคาค่อนข้างสูงและอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง

Botox เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานและต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน 

ดังนั้นการเลือกวิธีการยกกระชับผิวที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากความต้องการ สภาพผิว และเงินในกระเป๋าควบคู่ด้วย ทั้งนี้แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเรา

Related Articles

วิธีใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้ามีดังนี้

 ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา หลังทำ HIFU อาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน  Table of Contents ข้อควรระวังในการทำ HIFU ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่

ไฮฟู (Hifu) ยกกระชับผิว

ไฮฟู (Hi-Fu) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่รองรับผิวหน้า พลังงานความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จางลง และผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น Table of Contents ขั้นตอนการทำไฮฟู ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชา (หากต้องการ) ทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำไฮฟูเพื่อปกป้องผิว แพทย์จะใช้หัวเครื่องไฮฟูจ่อไปที่บริเวณที่ต้องการรักษา แพทย์จะปล่อยพลังงานความร้อนจากเครื่องไฮฟูไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา ผลลัพธ์ของการทำไฮฟู ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูจะเริ่มเห็นผลชัดเจน 1-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สภาพผิว และความลึกของริ้วรอย โดยทั่วไปแล้ว การทำไฮฟูสามารถช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ถึง 50% และช่วยลดริ้วรอยลึกได้ถึง 30% นอกจากนี้ การทำไฮฟูยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า

วิธีใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้า

 ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที แต่การทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา หลังทำ HIFU บางท่านอาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน Table of Contents ข้อควรระวังในการทำ HIFU ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่

Scroll to Top