วัคซีนโควิด (COVID-19 Vaccine) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 “วัคซีน” ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยปกป้องชีวิตผู้คนทั่วโลก ลดความรุนแรงของโรค และช่วยให้ระบบสาธารณสุขกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง (World Health Organization, 2023; European Medicines Agency, 2022) แต่ในขณะเดียวกัน การฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่า “ไม่มีความเสี่ยง” เพราะเช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ทุกประเภท วัคซีนก็อาจมีผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ในบางคนได้เช่นกัน (Centers for Disease Control and Prevention, 2022).

แม้วัคซีนโควิดจะมีประโยชน์อย่างมากในการลดความรุนแรงของโรคโควิดและช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย แต่ในอีกด้านหนึ่ง วัคซีนก็มี “ข้อจำกัดและผลข้างเคียง” ที่ควรรู้ไว้เช่นกัน เช่น อาการไข้ ปวดเมื่อย หรือในบางรายอาจมีอาการแพ้หรืออักเสบที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ (Patone et al., 2022).

การเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของวัคซีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล พร้อมดูแลร่างกายได้ถูกวิธี ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน บทความนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่หลักการทำงาน ประเภทของวัคซีน ผลข้างเคียง ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้น ไปจนถึงแนวทางดูแลและฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดอย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณเข้าใจว่า วัคซีนคือเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรค แต่ก็ยังต้องอาศัยการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Table of Contents

วัคซีนโควิดคืออะไรและทำงานอย่างไร?

วัคซีนโควิด-19 คือการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 โดยไม่ต้องติดเชื้อจริง (World Health Organization, 2023).

หลักการของวัคซีนคือ “จำลองการติดเชื้ออย่างปลอดภัย” เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันได้เรียนรู้และจดจำเชื้อไวรัสไว้ล่วงหน้า เมื่อร่างกายได้รับวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันจะเริ่มทำงานทันที โดยสร้าง

  • แอนติบอดี (Antibody): โปรตีนที่จับและยับยั้งไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์
  • เซลล์ภูมิคุ้มกัน (T-cell): ตรวจจับและกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ พร้อมจดจำเชื้อไวรัสนี้ไว้ในระยะยาว

เมื่อร่างกายเจอไวรัสจริงในอนาคต ภูมิคุ้มกันที่ถูกฝึกไว้แล้วจะตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น ลดโอกาสป่วยรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน

ข้อดีและข้อจำกัดของวัคซีนโควิด

ข้อดี

  • ลดความรุนแรงของอาการเมื่อได้รับเชื้อ
  • ลดอัตราการเสียชีวิตและการเข้ารักษาในโรงพยาบาล
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคม

ข้อจำกัด

  • ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจแตกต่างกันตามสายพันธุ์ไวรัสที่ระบาด
  • ภูมิคุ้มกันอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จึงต้องฉีดกระตุ้น (Booster Dose) (Khoury et al., 2021).
  • ร่างกายบางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ไข้ ปวดเมื่อย หรืออ่อนเพลีย
  • บางคนมีอาการแพ้วัคซีน

ประเภทของวัคซีนโควิดมีอะไรบ้าง

วัคซีนโควิดในปัจจุบันแบ่งได้หลายประเภท โดยแต่ละแบบมีกลไกการทำงานต่างกัน

  1. mRNA Vaccine – เช่น Pfizer, Moderna
    ใช้สารพันธุกรรมของไวรัสให้เซลล์ร่างกายสร้างโปรตีนหนาม กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เร็ว
  2. Viral Vector Vaccine – เช่น AstraZeneca, Johnson & Johnson
    ใช้ไวรัสพาหะที่ไม่ก่อโรค นำสารพันธุกรรมของไวรัสโควิดเข้าสู่ร่างกาย
  3. Protein Subunit Vaccine – เช่น Novavax
    ใช้โปรตีนหนามของไวรัสโดยตรง ปลอดภัยและเหมาะกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  4. Inactivated Vaccine – เช่น Sinovac, Sinopharm
    ใช้เชื้อไวรัสที่ถูกทำให้ตายแล้ว ปลอดภัย แต่อาจต้องฉีดหลายเข็มเพื่อให้ภูมิคุ้มกันคงอยู่

ประเภทของวัคซีนโควิดมีอะไรบ้าง

อาการหลังฉีดวัคซีนสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ

อาการทั่วไป (พบได้บ่อยและหายภายใน 1–3 วัน)

  • ปวด บวม หรือแดงบริเวณที่ฉีด
  • มีไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • อ่อนเพลีย หรือปวดศีรษะ

อาการรุนแรง (พบได้น้อย)

  • ภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)
  • กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (พบในบางกลุ่มที่ฉีดวัคซีน mRNA) (Patone et al., 2022).
  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (พบได้ในวัคซีนบางชนิด)

อาการเรื้อรัง (Long-term / Persistent symptoms)
แม้อาการส่วนใหญ่จะหายไปเองในเวลาไม่นาน แต่มีบางรายงานพบว่า ผู้รับวัคซีนบางคนอาจมีอาการที่คงอยู่ต่อเนื่องหรือเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน เรียกว่า Post-vaccine persistent symptoms เช่น

  • อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic fatigue)
  • ปัญหาทางระบบประสาท เช่น ไมเกรนเรื้อรัง เวียนศีรษะ หรือสมาธิลดลง
  • อาการทางหัวใจและหลอดเลือด เช่น ใจสั่น เจ็บหน้าอกเป็นพัก ๆ
  • อาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หรืออาการแพ้ที่กำเริบซ้ำ ๆ
  • ภาวะคล้าย Long COVID เช่น สมองล้า (Brain Fog), นอนหลับยาก, ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (Taquet et al., 2021).

แม้อาการเหล่านี้พบได้ไม่บ่อย แต่ควรสังเกตตัวเอง หากอาการไม่ดีขึ้นหรือกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

อาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน (Post-Vaccine Syndrome)

บางคนอาจมีอาการต่อเนื่องหลังฉีดวัคซีน เช่น เหนื่อยง่าย ใจเต้นแรง ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง หรืออาการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป (Wang et al., 2022).

ในกรณีนี้ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจระดับภูมิคุ้มกัน หรือการตรวจ Spike Protein Antibody เพื่อประเมินภาวะภูมิและการอักเสบในร่างกาย และออกแบบแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล (Khoury et al., 2021).

ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานแค่ไหน / เมื่อไหร่ควรฉีดบูสเตอร์?

หลังจากได้รับวัคซีนโควิดครบตามจำนวนโดสที่กำหนดแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นสูงสุดในช่วงประมาณ 2–4 สัปดาห์แรก หลังฉีด จากนั้นระดับภูมิคุ้มกันจะค่อย ๆ ลดลงตามธรรมชาติภายใน 4–6 เดือน แต่ในบางกรณีภูมินั้นกลับสูงและไม่หายไปเกิน 1 ปี ทำให้บางเคสมีอาการหรือผลข้างเคียงจากการมี Spike Protein Antibody Level ที่สูงเกินไป (Khoury et al., 2021).

Spike Protein ที่สร้างหลังฉีดวัคซีน

วัคซีนบางประเภท (เช่น mRNA และ Viral Vector) จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างโปรตีนหนาม (Spike Protein) ชั่วคราว เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (World Health Organization, 2023). โดยทั่วไปโปรตีนหนามนี้จะสลายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่ในบางคนอาจเกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการอักเสบหรืออ่อนเพลียต่อเนื่อง (Patone et al., 2022).

ตรวจระดับภูมิคุ้มกัน / ตรวจ Spike Protein Antibody Level

การตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนช่วยให้ทราบว่า

  • ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพียงพอหรือไม่
  • ภูมิคุ้มกันลดลงหรือยัง

โดยการตรวจ Spike Protein Antibody Level เป็นการวัดระดับภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังได้รับวัคซีนหรือการติดเชื้อจริง

ที่ LINNA Clinic มีบริการตรวจภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีน เพื่อวางแผนการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเฉพาะบุคคลอย่างตรงจุด

วิธีฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดวัคซีนอย่างปลอดภัย

หลังการฉีดวัคซีน ร่างกายจะอยู่ในช่วง “ปรับสมดุลภูมิคุ้มกัน” เพื่อสร้างแอนติบอดีและเซลล์ภูมิคุ้มกันใหม่ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย หรือมีอาการอักเสบเล็กน้อย การดูแลร่างกายอย่างถูกวิธีในช่วงนี้จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดโอกาสเกิดอาการข้างเคียงเรื้อรังได้

1.แนวทางดูแลทั่วไป

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 2–3 ลิตร
  • รับประทานอาหารที่มีผักผลไม้หลากสี และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2–3 วันแรก
  • งดแอลกอฮอล์และคาเฟอีนชั่วคราวเพื่อลดภาระการทำงานของตับ

2.ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันและล้าง Spike Protein ตกค้างด้วย EBOO Plus Therapy

EBOO Plus (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) เป็นเทคนิคการบำบัดเลือดด้วยโอโซนบริสุทธิ์ที่ช่วยขจัดสารพิษและลดการอักเสบในระดับเซลล์ และกรอง Spike Protein ออกจากร่างกายได้ ร่างกายบางคนอาจเกิดภาวะอักเสบเล็กน้อยหรือระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักเกินไป การทำ EBOO Plus จึงช่วย “รีเซ็ตสมดุล” ของร่างกาย ฟื้นฟูพลังงาน ลดอาการอ่อนเพลีย และส่งเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันให้กลับมาเสถียร

3.เสริมพลังระดับเซลล์ด้วย LINNA Crystal Bond

LINNA Crystal Bond คือเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรเฉพาะของ LINNA Wellness ที่ผสานแนวคิด Plant-Based Medicine x Chronobiology x Energy Medicine
มีส่วนช่วยลดการอักเสบระดับเซลล์ ขจัดอนุมูลอิสระ และเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอย่างอ่อนโยน เหมาะกับการฟื้นฟูร่างกายหรือช่วงที่รู้สึกพลังงานตก

4.เติมสารอาหารสำคัญด้วย LINNA VitaFlow

ร่างกายต้องการสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูเซลล์ LINNA VitaFlow เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรพิเศษที่รวมสารสกัดธรรมชาติ 27 ชนิด เช่น วิตามินซี กลูตาไธโอน CoQ10 และ Astaxanthin ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ เพิ่มพลังงานระดับเซลล์และช่วยบำรุงผิวพรรณ

สรุป

วัคซีนโควิด-19 เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและลดความรุนแรงของโรคโควิดในช่วงหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วัคซีนก็มีข้อจำกัดและผลข้างเคียงและได้รับอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆได้ เพื่อให้เราดูแลสุขภาพได้อย่างรอบคอบและปลอดภัย

การตรวจติดตามระดับภูมิคุ้มกัน (Spike Protein Antibody Level) และการฟื้นฟูร่างกายด้วย EBOO Plus Ozone Therapy, LINNA Crystal Bond, และ LINNA VitaFlow Supplement ภายใต้การดูแลของแพทย์ จะช่วยให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะสมดุล ลดภาวะอักเสบ และเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันได้อย่างยั่งยืน

เพราะที่ LINNA Clinic เราเชื่อว่า “สุขภาพที่ดีเริ่มจากความเข้าใจในร่างกายของเราเอง”
ไม่ว่าคุณจะต้องการตรวจภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูพลังงาน หรือวางแผนการดูแลสุขภาพหลังฉีดวัคซีนหรือมีอาการ Long Civid อย่างปลอดภัยทีมแพทย์ของเราพร้อมดูแลคุณในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด สามารถติดต่อเราได้ที่ โทร. 063-609-8888 ,WhatsApp: +66 919799554 หรือทาง LINE : @linnaclinic

References
  1. World Health Organization (WHO). (2023). Coronavirus disease (COVID-19): Vaccines. Geneva: World Health Organization.
  2. European Medicines Agency (EMA). (2022). COVID-19 vaccines: authorised. Amsterdam: European Medicines Agency.
  3. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (2022). Possible Side Effects After Getting a COVID-19 Vaccine. Atlanta: Centers for Disease Control and Prevention.
  4. Patone, M., Mei, X.W., Handunnetthi, L., Dixon, S., Zaccardi, F., et al. (2022). Risks of myocarditis, pericarditis, and cardiac arrhythmias associated with COVID-19 vaccination or SARS-CoV-2 infection. Nature Medicine, 28(3), 410–422.
  5. Taquet, M., Geddes, J.R., Husain, M., Luciano, S., Harrison, P.J. (2021). 6-month neurological and psychiatric outcomes in 236,379 survivors of COVID-19: a retrospective cohort study. The Lancet Psychiatry, 8(5), 416–427.
  6. Khoury, D.S., Cromer, D., Reynaldi, A., Schlub, T.E., Wheatley, A.K., et al. (2021). Neutralizing antibody levels are highly predictive of immune protection from symptomatic SARS-CoV-2 infection. Nature Medicine, 27(7), 1205–1211.
  7. Rhea, E.M., Logsdon, A.F., Hansen, K.M., Williams, L.M., Reed, M.J., et al. (2023). The S1 protein of SARS-CoV-2 crosses the blood-brain barrier and triggers neuroinflammation. Cell Reports Medicine, 4(2), 100975.
  8. Wang, J., Li, Q., Yin, Y., Zhang, Y., Cao, Y., et al. (2022). Dysregulated autoantibody response to SARS-CoV-2 Spike protein associates with autoimmune-like symptoms. Journal of Clinical Immunology, 42(5), 897–910.
  9. Singh, K.K., Chaubey, G., Chen, J.Y., Suravajhala, P. (2023). SARS-CoV-2 Spike protein alters mitochondrial dynamics and impairs cellular energy metabolism. Biochemical and Biophysical Research Communications, 640, 65–72.

Related Articles

โปรตีนหนาม (Spike Protein) คืออะไร? อาการและผลข้างเคียงที่ควรรู้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 เพราะโปรตีนชนิดนี้เป็นทั้ง กลไกสำคัญที่ไวรัสใช้เข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ และเป็น ส่วนประกอบหลักของวัคซีนรุ่นใหม่ ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับโรค COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านหนึ่ง “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) ถือเป็น “เครื่องมือสำคัญ” ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจดจำเชื้อไวรัสและสร้างภูมิคุ้มกันได้รวดเร็วเมื่อติดเชื้อจริง แต่อีกด้านหนึ่ง “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) หากคงอยู่ในร่างกายนานเกินไป หรือ กระตุ้นภูมิคุ้มกันมากเกินจำเป็น ก็อาจเป็นสาเหตุของ ภาวะอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น เหนื่อยง่าย สมองล้า นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย หรือภาวะคล้าย Long COVID นอกจากนี้ยังมีรายงานทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นว่า Spike Protein อาจเกี่ยวข้องกับภาวะ หลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis), กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis), สมองล้า (Brain Fog) และ ภาวะภูมิคุ้มกันไวเกิน (Autoimmune-like Response)

Plasmapheresis VS EBOO Therapy: Which Health Restoration Program is Right for You?

In the current era, as people’s lifestyles change, leading to increased blood lipid levels and unknowingly accumulated toxins within the body, stemming from dietary habits, medications and chemicals, environmental pollution, and even new, hard-to-avoid viral strains. When the blood is filled with fats and waste products, it significantly increases the risk of various serious diseases,

LINNA CLINIC คว้ารางวัล “Skin Quality Program Award” จากเวที SUDSAPDA BEAUTY AWARDS 2025

อีกหนึ่งก้าวแห่งความภาคภูมิใจของ LINNA Clinic ที่ได้รับรางวัล “Skin Quality Program Award” จากเวที SUDSAPDA BEAUTY AWARDS 2025 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ในปีนี้จัดขึ้นที่ CHANG CANVAS ONE BANGKOK FORUM ใจกลางเมือง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “VIBRANCY & SERENITY” ที่สะท้อนว่าการดูแลตัวเองไม่เพียงสร้างความสดใส แต่ยังเติมเต็มความสงบและความสุขจากภายใน ในปีนี้ LINNA CLINIC ได้รับการยกย่องด้วยรางวัลอันทรงเกียรติ “Skin Quality Program Award” ในหมวด Beauty Clinic (Editor’s Choice) ตอกย้ำจุดยืนของคลินิกด้าน การดูแลสุขภาพผิวแบบองค์รวม ที่ผสมผสานเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่เข้ากับศาสตร์การฟื้นฟูสุขภาพเชิงลึก เพื่อสร้างผิวที่แข็งแรง เรียบเนียน และเปล่งประกายอย่างยั่งยืน บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยเหล่าคนดัง แบรนด์ความงามชั้นนำ และผู้ทรงอิทธิพลใน วงการความงาม โดยมีคณะกรรมการผู้ร่วมตัดสินที่นับได้ว่าเป็นแถวหน้าของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น น้องฉัตร –

Shopping Cart
Scroll to Top