5 วิธีจัดการขนให้สิ้นซาก อันไหนเลิศ อันไหนแย่ มาดูกัน !!

1. มีดโกน

ไอเทมสุดฮิตที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยใช้คือ ‘มีดโกน’ นั่นเอง เนื่องจากมีดโกนเป็นเครื่องมือที่หาซื้อได้ง่ายมาก แถมราคาก็ถูกแค่หลักสิบบาทเท่านั้นเอง วิธีใช้ง่าย โกนขนได้เห็นผล แต่ข้อเสียคือ หากโกนในบริเวณผิวหนังที่แห้งก็จะมีความรู้สึกเจ็บนิด ๆ แถมยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจบาดผิวจนเลือดออกได้ และเวลาขนใหม่ขึ้นอาจทำให้ขนมีความแข็ง ทำให้ต้องโกนซ้ำ ๆ บ่อย ๆ

2. แว็กซ์

ตามมาด้วยวิธีการกำจัดขนด้วย ‘แว็กซ์’ (WAX) แว็กซ์เป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือจะไปทำที่ร้านก็ได้ เป็นอีกวิธีที่ฮิตและเชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยลองอย่างแน่นอน ข้อดีคือหาซื้อและหาทำได้ง่าย ราคาไม่แพงมาก สามารถดึงขนออกมาลึกไปถึงโคน แต่สำหรับข้อเสียก็คือต้องใช้เวลาในการเตรียมแว็กซ์ แว็กซ์จะมีความร้อน เวลาโดนผิวหนังอาจรู้สึกเจ็บ หากไม่ชำนาญจะทำให้ผิวหนังไหม้ได้ ตอนลอกแผ่นแว็กซ์ออกอาจมีรอยแดง และขนขาดบ้าง สรุปคือเป็นวิธีที่คนทำกันทั่วไป หาซื้อและหาที่ทำง่าย แต่อาจจะต้องทนเจ็บกันนิด

3. เครื่องถอนขน

วิธีถัดมาคือ ‘เครื่องถอนขน’ ข้อดีคือเครื่องนี้จะเก็บขนได้เยอะในครั้งเดียว แต่ยังไม่ละเอียดมากพอ ต้องทำซ้ำ 2-3 รอบ ส่วนข้อเสียคือเจ็บมาก มีรอยแดงหลังจากทำเสร็จ พอต้องทำซ้ำก็ทำให้ต้องเจ็บซ้ำไปอีก

4. ครีมกำจัดขน

อีกวิธียอดฮิตคือ ‘ครีมกำจัดขน’ วิธีใช้ก็คือหลังจากทำความสะอาดผิวแล้วก็ค่อย ๆ วนครีมกำจัดขนไปที่บริเวณที่ต้องการ วนไปเรื่อย ๆ จนกว่าขนจะหลุดออกมา ทำด้วยตัวเองได้ แต่ข้อเสียคือกว่าขนจะหลุดออกก็ต้องวน ๆ ถู ๆ นาน ส่วนขนที่หลุดออกมาจะเป็นหย่อม ๆ กำจัดได้ไม่ถึงโคนขนเท่าไหร่

5. LASER ขน

วิธีสุดท้าย และคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดคือการ ‘เลเซอร์’ นั่นเอง! ตอนนี้การเลเซอร์ขนก็เป็นอีกวิธีที่ฮิตไม่แพ้กัน ข้อดีของการเลเซอร์ขนคือการใช้แสงความเข้มข้นสูงเข้าไปทำลายรากขน หากทำซ้ำบ่อย ๆ จะทำให้ขนขึ้นใหม่ช้าหรือไม่ขึ้นมาอีก ผิวหนังเรียบไม่บอบช้ำ ปลอดภัย ส่วนข้อเสียคือราคาอาจจะสูงกว่าวิธีอื่นๆ และหลังการทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด

Related Articles

What Is Spike Protein and Why Should You Get Tested?

Since the global outbreak of COVID-19 in late 2019, the term “Spike Protein” has become central to modern medical and biological research — featured in thousands of peer-reviewed studies. It plays a critical role in both the infection mechanism of SARS-CoV-2 and the foundation of next-generation vaccine technologies. The spike protein functions as a biological

“LINNA Crystal Bond” คืออะไร ช่วยเรื่องสุขภาพหลอดเลือด ไตเสื่อม เบาหวาน และโรค NCDs อื่นๆได้จริงไหม? มีผลข้างเคียงไหม ?

จุดเริ่มต้นของ “LINNA Crystal Bond” ไม่ได้มาจากสูตรลับตำรับที่ส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น แต่มาจากคำถามธรรมดาข้อหนึ่ง ที่ทีมแพทย์ของลินนาเวลเนสเคยตั้งไว้ว่า… “ทำไมคนที่ดูแลสุขภาพดีอยู่แล้ว ยังป่วยด้วยโรคเรื้อรังแบบไม่ทันตั้งตัว?” คำถามนี้นำไปสู่การค้นคว้าอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ พลังงานในระดับเซลล์และการดูแลหลอดเลือด รวมถึงการฟื้นฟูร่างกายที่มากกว่าแค่การพักผ่อนหรือการกินอาหารคลีน กระทั่งได้ค้นพบว่า พืชสมุนไพรบางชนิด ไม่เพียงแค่บำรุงร่างกาย แต่สามารถกระตุ้นการ “สร้างพลังงานใหม่” ให้กับเซลล์ในร่างกายที่กำลังเสื่อมถอย ได้อย่างน่าทึ่ง จนสามารถฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้นได้แบบองค์รวม จุดนี้เองคือที่มาของ “เครื่องดื่มพืชสมุนไพร” หรือ “LINNA Crystal Bond” ที่เป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ LINNA Wellness ได้รังสรรค์ออกมาโดยความร่วมมือของแพทย์ทางเลือกและทีมวิจัยนวัตกรรมพืชสมุนไพร รวมทั้งทีมเวชศาสตร์พลังงานชีวิตและธรรมจิต เพื่อส่งต่อสุขภาพที่ดีให้กับทุกคนแบบยั่งยืน Table of Contents LINNA Crystal Bond คืออะไร? คือ เครื่องดื่มพืชสมุนไพรม็อกเทล (Holistic Herbal Mocktail) สูตรเฉพาะของ LINNA Wellness ที่สามารถฟื้นฟูสุขภาพระดับเซลล์ได้อย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด Plant-Based Medicine x Chronobiology x Energy

Scroll to Top