เปรียบเทียบ Collagen Biostimulator 5 ตัวมาแรง Juvelook, Sculptra, AestheFill, Radiesse, Ultracol

Collagen Biostimulator เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนนวัตกรรมขั้นกว่าของการดูแลผิวที่ไม่ใช่แค่เพียงการเติมเต็มผิวให้ดูเนียนเด้งเปล่งปลั่งในระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นการเสริมสร้างคอลลาเจน (Collagen) และสารสำคัญอื่นๆ ภายใต้ชั้นผิวได้ในระยะยาว ช่วยปรับเสริมโครงสร้างชั้นผิวให้แข็งแรงได้จากภายใน เผยผิวยืดหยุ่น เรียบเนียนกระจ่างใสให้คุณรู้สึกมั่นใจในผิวของตัวเองได้ยิ่งกว่า สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากฉีด Collagen Biostimulator แต่ยังไม่รู้ว่ามียี่ห้อไหนบ้าง ควรเลือกตัวไหนดี? ลินนา คลินิก (Linna Clinic) ชวนเปรียบเทียบ Juvelook, Sculptra, AestheFill, Radiesse และ Ultracol คืออะไร เลือกทำตัวไหนดีกว่ากัน? 

Table of Contents

Collagen Biostimulator คืออะไร?

Collagen Biostimulator คือ สารที่มีคุณสมบัติหลักในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน (Collagen) ตามกระบวนการธรรมชาติภายในร่างกายเพื่อช่วยสร้างคอลลาเจน (Collagen) ใหม่ๆ เข้ามาทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพไปตามอายุและปัจจัยกระตุ้นต่างๆ โดยความโดดเด่นของ Collagen Biostimulator เมื่อเทียบกับหัตถการฉีดบำรุงผิวประเภทอื่นๆ คือ การช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติและเห็นผลลัพธ์ต่อเนื่องยาวนานได้ตั้งแต่ 12-25 เดือน ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ปรับผิวให้เรียบเนียนกระชับ เผยผิวสุขภาพดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก US-FDA และ อย. ประเทศไทยที่น่าสนใจอยู่ทั้งหมด 5 ตัว ได้แก่ Juvelook, Sculptra, AestheFill, Radiesse และ Ultracol

รวม Collagen Biostimulator 5 ตัวมาแรงในไทย ประจำปี 2024

Juvelook คืออะไร

Juvelook (จูวีลุค) คือ คอลลาเจนบูสเตอร์ชนิดไฮบริด (Hybrid) ชื่อดังจากประเทศเกาหลีที่อาศัยการทำงานของสารสำคัญถึง 2 ชนิด ได้แก่ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) และกรดโพลิแลกติก PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) เสริมพลังการฟื้นฟูคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินใต้ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมช่วยให้ผิวเต่งตึง ริ้วรอยดูจางลง ผิวดูสุขภาพดีขึ้นได้อย่างชัดเจนทันทีหลังการฉีดครั้งแรกและช่วยบำรุงโครงสร้างชั้นผิวได้ยาวนานถึง 1.5 ปี โดยไม่เสี่ยงเป็นก้อนเพราะเข้ากับผิวของเราได้ดีที่สุด ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก KFDA, CE และ อย. ประเทศไทย

Juvelook ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

  • ช่วยให้ผิวอิ่มฟูดูกระชับ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีดครั้งแรก
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอย บนใบหน้า
  • เติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำไม่แห้งกร้าน
  • ช่วยลดจุดด่างดำ รอยดำที่เกิดจากสิว
  • ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผิวหน้าขาวกระจ่างใส
  • ช่วยเสริมผิวให้เฟิร์มกระชับ ลดรอยหลุมสิว รูขุมขนดูเล็กลง
  • ช่วยปรับให้ผิวรอบดวงตาดูสดใส ลดรอยดำคล้ำใต้ตา
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่บริเวณลำคอ แก้คอเป็นรอยพับ รอยเหี่ยว 
  • ช่วยลดปัญหารอยแตกลายที่บริเวณลำตัว

Sculptra คืออะไร

Sculptra (สกัลป์ทรา) คือ Collagen Biostimulator ตัวแรกของโลกที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA และ อย.ไทย และถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์เป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี โดยมีสารสำคัญ คือ อนุภาคของสาร Poly-L-Lactic (PLLA) ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืชที่สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการผลิต Collagen Type I ได้มากถึง 66.5% ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของโครงสร้างชั้นผิวหนัง ปรับผิวให้กระชับ อิ่มฟู ผิวดูสุขภาพดีได้จากภายในได้นานถึง 2 ปี

Sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยปรับปรุงคุณภาพโครงสร้างชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก ผิวกระชับ อิ่มฟู ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
  • ช่วยเพิ่มอัตราการสร้าง Collagen ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการดูแลผิว
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็กๆบนใบหน้า ช่วยยกกระชับผิวไม่ให้หย่อนคล้อย
  • ปรับสีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ผิวดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

Radiesse คืออะไร

Radiesse (เรเดียสซ์) คือ สารกระตุ้นการสร้าง Collagen Biostimulator ชนิด Calcium Hydroxylapatite หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า CaHa ผลิตและพัฒนาโดย Merz Aesthetics ประเทศเยอรมนี โดยความโดดเด่นของ Radiesse คือ การห่อหุ้มสารสำคัญไว้ภายในเนื้อเจลจึงช่วยเติมวอลลุ่มให้ใต้ชั้นผิวได้ทันทีหลังฉีด และการใช้สารสำคัญอย่าง 30% CaHa Microsphere ขนาด 25-45 ไมครอน ทำให้เกิดการสร้างโครงสร้าง Scaffold ที่เป็นโครงข่ายสามมิติที่ใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ๆ (Collagen type I 150%, Collagen Type III 130%, Elastin 260%) ช่วยเพิ่มสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan) และสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว (Angiogenesis) เริ่มเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงภายในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังการฉีด และสามารถคงผลลัพธ์ในระยะยาวนาน 12-18 เดือน

Radiesse ช่วยเรื่องอะไร

  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า 
  • ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ใบหน้ายกกระชับ รูขุมขนมีขนาดเล็กลง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการฉีดครั้งแรก
  • ช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งเสีย หยาบกร้านซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูหมองโทรม ไม่สดใส

AestheFill คืออะไร

AestheFill Collagen Booster Plus คือ คอลลาเจนบูสเตอร์อีกหนึ่งตัวจากประเทศเกาหลีใต้ที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา โดยส่วนประกอบหลักใน AestheFill คือ อนุภาคของสาร PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสาร Lactic acid 2 ชนิด (L-lactic acid และ D-lactic acid) ที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกและกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับให้ผิวอิ่มฟู กระชับ ริ้วรอยดูจางลง เสริมความแข็งแรงให้ผิวได้จากภายใน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงภายใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด สามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1.5-2 ปี ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก KFDA, CE และ อย. ประเทศไทย

AestheFill ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen ที่ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน เพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นผิว
  • ช่วยยกกระชับผิวให้เรียบเนียน เต่งตึง ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้แลดูจางลง
  • ช่วยลดปัญหาผิวแห้งเสีย หยาบกร้าน เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น
  • ช่วยปรับผิวให้กระจ่างใส

Ultracol คืออะไร

Ultracol หรือ ไหมน้ำ Ultracol คือ สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีใต้ ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก KFDA CE และ อย. ประเทศไทย ซึ่งใช้สารสำคัญเป็นสาร PDO หรือ Polydioxanone microsphere ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในไหมละลาย (Absorbable suture) สำหรับเย็บแผลภายในร่างกายแต่ถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบผงด้วยกระบวนการ Nano Technology และต้องผสมกับน้ำเกลือ (Sterile Water) ก่อนการใช้งานทำให้ได้ตัวยาที่อยู่ในรูปแบบของเหลว (Liquid PDO) ช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้ทั่วบริเวณและสามารถกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I, III ได้อย่างเป็นธรรมชาติต่อเนื่อง 6-8 เดือน   

Ultracol ช่วยเรื่องอะไร

  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวยืดหยุ่น อิ่มฟู ดูสุขภาพดี
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอย ลดปัญหาความหย่อนคล้อยไม่กระชับ
  • ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ผิวมีออร่า
  • ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น เด้งฟู ลดปัญหาผิวแห้งเสียหยาบกร้าน

เปรียบเทียบ Collagen Biostimulator เลือกตัวไหนดี?

คำถามสำคัญที่หลายๆ คนอยากรู้มากที่สุดคือ ควรเลือกใช้ Collagen Biostimulator ตัวไหนดี? Juvelook, Sculptra, AestheFill, Radiesse, Ultracol ตัวไหนดีกว่ากัน? คำตอบก็คือ ผลิตภัณฑ์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติความโดดเด่นและช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้ไม่เหมือนกัน ผู้เข้ารับบริการควรตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Collagen Biostimulator ที่เหมาะกับสภาพปัญหาผิวของตนเองมากที่สุด โดยแนะนำว่าควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลผิวเพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินปัญหาและเลือกผลิตภัณฑ์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเหมาะสม สร้างผลลัพธ์หลังการรักษาที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ  

Related Articles

ความดันสูง vs ความดันต่ำ ต่างกันยังไง? อันไหนน่ากลัวกว่ากัน

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตรวจสุขภาพแล้วพบว่า ค่าความดันสูง หรือความดันต่ำกว่าปกติ แต่ไม่ทราบว่าค่าความดันแต่ละแบบต่างกันอย่างไร? หรือสะท้อนภาวะสุขภาพแบบไหน ตัวเลขเหล่านี้แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วเป็นค่าที่มีความสัมพันธ์กับระดับแรงดันเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดแดงในขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัว ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 120-129/80-84 mmHg และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงเวลาของวัน แต่หากค่าความดันเบี่ยงเบนจากระดับปกติเป็นเวลานาน อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จาก LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) จะชวนมาทำความเข้าใจความแตกต่างของภาวะความดันสูงและความดันต่ำ อาการที่ไม่ควรมองข้าม และแนวทางดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าของตัวคุณและคนที่คุณรัก Table of Contents ความดันสูง (Hypertension) คืออะไร เกิดจากอะไร? ความดันสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่ค่าความดันโลหิตตัวบนมากกว่าหรือเท่ากับ 140 mmHg และ/หรือตัวล่างมากกว่าหรือเท่ากับ 90 mmHg ในขณะพักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสูงแค่เพียงค่าเดียวหรือทั้งสองค่า โดยภาวะความดันสูงมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรกและมักตรวจพบเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น ภาวะน้ำหนักตัวเกิน ขาดการออกกำลังกาย การทานอาหารรสเค็มจัด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาการความดันสูง ภาวะความดันโลหิตสูงมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่มักตรวจพบเมื่อระดับความดันโลหิตเพิ่มสูงถึงขั้นที่เป็นอันตราย โดยมีอาการที่พบได้บ่อย ดังนี้

กินผักแล้วตายไว สาเหตุเกิดจากอะไร?

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ แต่จากประสบการณ์ของ LINNA Clinic ซึ่งให้บริการด้านสุขภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Health & Wellness) พบว่ามีผู้เข้ารับบริการจำนวนไม่น้อยที่แม้จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่ค่าเลือดมีความผิดปกติ และตรวจพบโลหะหนักปนเปื้อนในร่างกาย ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าในแต่ละวันร่างกายของเราอาจได้รับโลหะหนักปนเปื้อนแบบไม่ทันรู้ตัว ไม่ว่าจะมาจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือแม้แต่อาหารอย่างผักและผลไม้ ที่แม้จะดูเฮลตี้มากแค่ไหนก็อาจแฝงภัยเงียบอย่าง “โลหะหนัก” ซึ่งสามารถสะสมในร่างกายและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังที่ฉุดรั้งคุณภาพชีวิตให้ลดลง บทความนี้จาก LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) จะพาคุณไขความจริง ทำไม “กินผัก” อาจเสี่ยง “ตายไว”? ผักที่เรากินทุกวันมีโลหะหนักปนเปื้อนจริงไหม? และมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงจากโลหะหนักที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม Table of Contents โลหะหนักที่สามารถพบได้ในผัก มีอะไรบ้าง แม้ผักจะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ในบางกรณี ผักบางชนิดที่ปลูกในดินหรือน้ำที่ปนเปื้อน รวมถึงการใช้สารเคมีของเกษตรกร อาจมีโลหะหนักตกค้างอยู่ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยโลหะหนักที่มักตรวจพบในผัก ได้แก่ ตะกั่ว (Lead) แคดเมียม (Cadmium) ปรอท

ผลข้างเคียงของผู้ที่เคยฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA (Pfizer, Moderna) และแนวทางการฟื้นฟูสุขภาพ

วัคซีนโควิดชนิด mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์ระบาดใหญ่ เพื่อใช้ลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยจากข้อมูลในปัจจุบันพบว่ามีจำนวนการฉีดวัคซีน mRNA สะสมแล้วนับพันล้านโดสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป มีเสียงสะท้อนจากผู้ที่เคยฉีดวัคซีนบางรายถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในระยะยาว ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2023 รัฐเทกซัสได้ยื่นฟ้องบริษัท Pfizer ฐานโฆษณาหลอกลวง และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด (1) อันเป็นการละเมิดกฎหมาย Deceptive Trade Practices Act (DTPA) โดยระบุว่า Pfizer โฆษณาประสิทธิภาพวัคซีนเกินจริง และอาจมีการปกปิดความเสี่ยงบางประการที่อาจเกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด ณ ปีปัจจุบัน บทความนี้จาก LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) มีข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน mRNA คืออะไร มียี่ห้อไหนบ้าง? ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี พร้อมสำรวจแนวทางการดูแลฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดวัคซีนโควิดอย่างเหมาะสมและปลอดภัย Table of Contents วัคซีน mRNA คืออะไร?

Shopping Cart
Scroll to Top