วิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Supplement) คืออะไร

วิตามินเสริมอาหาร นับเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบจนทำให้การเลือกทานอาหารให้ครบหมู่กลายเป็นเรื่องยากหรือหลายๆ ครั้งอาหารจานโปรดที่เราทานเป็นประจำก็อาจมีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างน้อยทำให้ร่างกายได้รับวิตามินจำเป็นบางชนิดไม่เพียงพอ เช่น วิตามินอี วิตามินบี วิตามิน ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฯลฯ ส่งผลให้ร่างกายทำงานไม่ปกติและทำให้เราป่วยได้ง่าย การเติมวิตามินที่มีความจำเป็นเหล่านี้ด้วยการใช้วิตามินเสริมอาหารนับเป็นทางเลือกที่ดี แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าวิตามินเหล่านั้นมีความเหมาะสมและช่วยเสริมสิ่งที่ร่างกายของเราขาดไปได้จริง จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเติมวิตามินเฉพาะบุคคล ที่ช่วยบำรุงร่างกายและแก้ไขปัญหาสุขภาพของเราได้อย่างตรงจุดมากที่สุด วิตามินเฉพาะบุคคล คืออะไร ดีจริงไหม? บทความนี้มีคำตอบ

สารบัญ

วิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Supplement) คืออะไร

วิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Supplement) คือ วิตามินเสริมอาหารที่ถูกกำหนดขนาดและสัดส่วนของตัวยาขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคลมากที่สุด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจวิเคราะห์ระดับสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในเลือด ร่วมกับการซักประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และประเมินพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างละเอียด ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต อาหารที่รับประทานเป็นประจำ การนอนหลับพักผ่อน ฯลฯ เมื่อทราบระดับของสารสำคัญภายในร่างกายของคนไข้อย่างชัดเจนแล้ว แพทย์จะจัดวิตามินที่สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้มากที่สุดด้วยการเสริมสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ

ต่างๆ ที่ยังขาดไปให้กลับมาอยู่ในระดับที่เพียงพอ พร้อมกับการปรับสมดุลสารอาหารภายในร่างกายเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไข้ได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้วิตามินเฉพาะบุคคลอาจเป็นวิตามินที่มีการผลิตขึ้นมาเพื่อคนไข้โดยเฉพาะหรืออาจเป็นวิตามินที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป แต่แพทย์จะกำหนดปริมาณของวิตามินแต่ละชนิดไว้อย่างเหมาะสมพร้อมทั้งแนะนำวิธีการรับประทานวิตามินอย่างถูกต้องเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด

วิตามินเฉพาะบุคคลเหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่ต้องการใช้วิตามินเสริมอาหารสำหรับบำรุงร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องเสริมวิตามินชนิดไหนและควรใช้ในปริมาณเท่าไหร่ รวมไปจนถึงผู้ที่ต้องการใช้วิตามินเสริมอาหารที่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการ
  • ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เช่น ผู้ที่ไม่ค่อยทานผักและผลไม้ ผู้ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (มังสวิรัติ, วีแกน) ที่อาจเสี่ยงทำให้ร่างกายขาดวิตามินบางชนิดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
  • ผู้ที่ร่างกายต้องการวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เช่น คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัว ผู้หญิงในช่วงก่อนหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ
  • ผู้ที่ใช้วิตามินเสริมรูปแบบทั่วไปแล้วไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลง การใช้วิตามินเฉพาะบุคคลจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
  • ผู้ที่มีภาวะอาการของโรคและจำเป็นต้องรับได้วิตามินเสริมเพื่อช่วยบรรเทาอาการของโรคให้ดียิ่งขึ้น เช่น อาการเหน็บชา โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน เป็นต้น
  • ผู้ที่ต้องการดูแลร่างกายให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ เช่น วิตามินเสริมเพื่อบำรุงผิวและชะลอวัย วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย วิตามินบำรุงสาย วิตามินบำรุงผมและเล็บ เป็นต้น

ข้อดีของวิตามินเฉพาะบุคคล

  • วิตามินเฉพาะบุคคลเป็นวิตามินที่ถูกปรุงขึ้นมาตามใบสั่งยาของแพทย์ผู้ชำนาญการ มีการกำหนดชนิดและขนาดปริมาณตัวยามาอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคลของคนไข้มากที่สุด จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าวิตามินที่เราทานจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพของเราได้อย่างครบถ้วนและตรงจุด
  • ช่วยลดปัญหาการทานวิตามินเสริมที่ซ้ำซ้อนหรือการทานวิตามินที่ไม่ตรงกับความต้องการของร่างกาย ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและอาจส่งผลให้ตับหรือไตทำงานหนักมากเกินความจำเป็น
  • ในปัจจุบันสามารถปรับแต่งโปรแกรมวิตามินเฉพาะบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ได้อย่างหลากหลาย เช่น โปรแกรมวิตามินเฉพาะบุคคลเพื่อความงามและผิวพรรณ วิตามินเฉพาะบุคคลเพื่อการบำรุงสุขภาพและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน วิตามินเฉพาะบุคคลที่สามารถใช้ร่วมกับการรักษาโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคโลหิตจาง เป็นต้น
  • มีการนัดติดตามผลเป็นระยะโดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะนัดคนไข้เข้ามาเพื่อติดตามผลเลือดและผลสุขภาพทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อตรวจเช็กสภาวะสุขภาพและปรับสูตรวิตามินให้สอดคล้องกับผลเลือดของคนไข้อยู่เสมอ

ข้อจำกัดของการใช้วิตามินเฉพาะบุคคล

  • ควรเข้าโปรแกรมตรวจวัดระดับวิตามินเพื่อรับวิตามินเฉพาะบุคคลกับสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้ชำนาญการเป็นผู้ประเมินและกำหนดวิตามินให้เพียงเท่านั้น
  • วิตามินอาหารเสริมเป็นแค่เพียงผลิตภัณฑ์ช่วยเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายขาดไปไม่ใช่สารอาหารหลัก ผู้ที่รับประทานวิตามินเฉพาะบุคคลยังต้องรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่เพื่อโภชนาการที่ครบถ้วน
  • วิตามินเฉพาะบุคคลมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิตามินสำเร็จรูปที่มีวางขายอยู่แล้วในตลาด

วิตามินเฉพาะบุคคล อันตรายไหม

วิตามินเฉพาะบุคคลเป็นวิตามินที่ถูกกำหนดขนาดและสัดส่วนของตัวยามาอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งใช้การผลิตภายใต้มาตรฐาน Pharmaceutical Grade ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับการผลิตยา ทุกกระบวนการในการผลิตได้มาตรฐานและผ่านการควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตัวยาปราศจากสารเคมีอันตรายและสารปนเปื้อนทุกชนิด จึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้วิตามินเฉพาะบุคคลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

สรุป

วิตามินเฉพาะบุคคลทางเลือกใหม่ของการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างครบถ้วนและตรงจุดมากกว่าเมื่อเทียบกับวิตามินสำเร็จรูปที่เราเลือกซื้อมาทานด้วยตนเอง โดยแพทย์จะวิเคราะห์ผลเลือดร่วมกับการซักประวัติสุขภาพเพื่อตรวจหาวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารต่างๆ ที่ขาดไปเพื่อกำหนดชนิดและปริมาณของวิตามินที่ตรงตามความต้องการของร่างกายมากที่สุด ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพโดยรวมของคนไข้ได้อย่างเห็นผลและลดปัญหาการใช้วิตามินอาหารเสริมมากเกินความจำเป็น ลดภาระการทำงานหนักของตับและไต ทำให้การใช้วิตามินเสริมอาหารเกิดประโยชน์สูงสุดและมีความปลอดภัยยิ่งกว่าในระยะยาว

Related Articles

8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ Stem Cell หน้าใส ย้อนวัยระดับ DNA

พูดได้เลยว่าในปัจจุบันมีหัตถการที่ช่วยยกกระชับ ปรับผิวให้กลับมาเรียบเนียนเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าที่เคยให้เราเลือกทำหลากหลายวิธีมาก ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่นและให้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในหัตถการที่ช่วยย้อนวัยให้ผิวลึกถึงระดับเซลล์ ที่โด่งดังและมีประวัติใช้รักษามาอย่างยาวนาน คือ การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ที่ใช้วิธีเซลล์ซ่อมเซลล์ การฉีด Stem Cell คืออะไร? ปลอดภัยและเห็นผลดีจริงไหม? ลินนาคลินิก (Linna Clinic) รวม 8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ (Stem cell) มาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบการตัดสินใจให้กับทุกคนไว้ในบทความนี้แล้ว Table of Contents Stem cell คืออะไร ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่าในร่างกายของเรานั้นประกอบขึ้นด้วยเซลล์ขนาดเล็กจิ๋ว กว่า 100 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะรวมตัวกันและกลายเป็นระบบอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ผิวหนัง เซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาว ฯลฯ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือ เซลล์ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจัดเป็นเซลล์ตัวอ่อนที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะเจาะจง และสามารถแบ่งตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งในภายหลังสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นๆ ได้ เช่น

Brain Fog คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีฟื้นฟูภาวะสมองล้า

คุณเคยรู้สึกว่าเวลาที่ร่างกายตื่นแล้ว แต่สมองกลับทำงานช้าลง คิดอะไรไม่ออก หรือขาดสมาธิใช่ไหม? อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า Brain Fog หรือภาวะสมองล้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าที่คิด บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก Brain Fog ตั้งแต่อาการ สาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางฟื้นฟูสมองให้กลับมาแจ่มชัดเหมือนเดิม Table of Contents Brain Fog คืออะไร? Brain Fog หรือ “สมองล้า–สมองลอย” ไม่ได้เป็นโรคโดยตรง แต่เป็น ภาวะผิดปกติชั่วคราวของการทำงานสมอง ทำให้เกิดอาการเหมือนสมองไม่ปลอดโปร่ง คิดช้า สมาธิสั้น หลงลืมง่าย หรือรู้สึกเบลอๆ เหมือนมีหมอกปกคลุมอยู่ในหัว คนที่เป็นมักจะบอกว่า “คิดอะไรไม่ออก สมองตัน” นี่อาจเป็น สัญญาณเตือน ว่าร่างกายและสมองกำลังเผชิญกับภาวะ Brain Fog เกิดความเครียด ความล้า หรือความไม่สมดุลบางอย่าง เช่น ฮอร์โมน การนอนหลับ หรือสารอาหารที่ขาดหายไป อาการที่บ่งบอกว่ากำลังเผชิญกับ Brain Fog Brain

Apple Watch ผู้ช่วยสุขภาพที่ไม่ได้แค่บอกเวลา

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เล็กๆ บนข้อมืออย่าง Apple Watch กลายเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะนอกจากบอกเวลาได้แล้ว ยังสามารถติดตามการออกกำลังกาย ตรวจวัดการเต้นของหัวใจ บันทึกการนอน ไปจนถึงช่วยเตือนให้คุณลุกขึ้นขยับร่างกายเมื่อคุณนั่งนานเกินไป เรียกได้ว่าเป็น “โค้ชสุขภาพส่วนตัว” ที่อยู่ใกล้ตัวคุณตลอด 24 ชั่วโมง Table of Contents Apple Watch คืออะไร Apple Watch คือ สมาร์ตวอทช์ (Smartwatch) ที่ผลิตโดยบริษัท Apple Inc. เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือ ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ iPhone เป็นหลัก แต่รุ่นใหม่ๆ จะมีความสามารถในการเชื่อมต่อ Cellular เพื่อใช้งานได้อิสระมากขึ้น เป็นอุปกรณ์สวมใส่สุดอัจฉริยะที่ผสมผสานระหว่างฟังก์ชันการบอกเวลา การเชื่อมต่อสื่อสาร ที่โดดเด่นที่สุดคือคุณสมบัติด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย ทำให้มันกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลสุขภาพรวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน Apple Watch ทำอะไรได้บ้าง หน้าที่พื้นฐานของนาฬิกาคือการบอกเวลา แต่ Apple Watch สามารถแสดงข้อมูลอื่นๆ บนหน้าปัดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วันที่ สภาพอากาศ กิจกรรมประจำวัน

Shopping Cart
Scroll to Top