การกำจัดขนชั่วคราว VS การกำจัดขนถาวร

ปัญหาใหญ่ที่มักกวนใจสาว ๆ ก็คือ “ขน” ไม่ว่าจะเป็น ขนรักแร้ หน้าแข้ง แขน หน้า หนวด เครา หรือแม้กระทั่งบิกินี เพราะทำให้ผิวขาดความเรียบเนียน ดูไม่สะอาดตา โดยเฉพาะขนบริเวณรักแร้ และ หน้าแข้ง ที่สาว ๆ มักจะเป็นกังวลกันมาก

เมื่อขนเป็นตัวปัญหา เราจึงต้องหาทางกำจัดออกไป ปัจจุบันการกำจัดขน ทำได้ 2 แบบ คือ การกำจัดขนแบบชั่วคราว และแบบถาวร

การกำจัดขนแบบชั่วคราว เช่น การถอน การโกน การแวกซ์ หรือการใช้น้ำยากำจัดขน เป็นต้น เป็นวิธีที่ทำได้ด้วยตนเอง ง่ายสะดวก ราคาถูก หลายคนจึงนิยมกำจัดขนด้วยวิธีเหล่านี้ แต่ข้อด้อยของแบบชั่วคราวก็คือ แม้จะกำจัดขนได้จริงแต่ก็ไม่ถาวร ต้องทำทุกครั้งที่ขนขึ้นและทำต่อเนื่องตลอด และอาจเกิดปัญหาไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น เกิดปัญหาขนคุด กลายเป็นตุ่มนูนเหมือนหนังไก่ ผิวหนังมีรูดำไม่เรียบ หรือปัญหารักแร้ดำ ทำให้ผิวแลดูไม่สวยงามได้

การกำจัดขนแบบถาวร ที่นิยมและได้ผลดีมากคือการใช้เลเซอร์ การใช้เลเซอร์เป็นวิธีกำจัดขนถาวรโดยแสงเลเซอร์จะไปจับกับเม็ดสี (Pigment) ของขนในระยะที่ขนกำลังเจริญเติบโตยาวออกมาเรื่อย ๆ วิธีนี้มีข้อดีคือไม่เจ็บ การใช้เลเซอร์สามารถกำจัดขนได้ 60-80 % จากการทำซ้ำหลายๆครั้ง

สำหรับการกำจัดขนถาวร หลังทำไปช่วงแรกๆ จะดูเหมือนไม่มีขนเหลืออยู่เลย ก็อย่าเพิ่งดีใจว่าขนถูกกำจัดหมดไปแล้ว เพราะปริมาณขนที่งอกออกมาให้เราเห็นนั้นเป็นแค่เพียง 20% ของปริมาณขนทั้งหมดที่มี ภายใต้ผิวหนังยังคงมีรากสำรองที่ยังไม่เจริญเติบโตหรืออยู่ในระยะพักอีก 80% ซึ่งจะค่อยๆทยอยงอกขึ้นมาเรื่อยๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะกำจัดขนถาวรด้วยวิธีไหน ถ้าต้องการให้เห็นปริมาณขนลดลงชัดเจน ควรทำซ้ำ 3-4 ครั้ง หรือจนกว่าจะพอใจ ส่วนคนที่ต้องการให้เนียนเลยก็ประมาณ 5-7 ครั้ง

คราวนี้ก็รู้ความแตกต่างระหว่างการกำจัดขนชั่วคราว และ การกำจัดขนถาวรกันแล้วนะคะ ใครสะดวกหรือชอบแบบไหน เลือกกันให้ตรงใจได้เลย หรือถ้าใครอยากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็ทัก LINE@ มาได้เลย

สามารถแอดไลน์เพื่อปรึกษาหรือสอบถามโปรโมชั่นพิเศษของทางคลินิก ฟรี เพียง Click ที่ลิ้งค์:

Related Articles

8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ Stem Cell หน้าใส ย้อนวัยระดับ DNA

พูดได้เลยว่าในปัจจุบันมีหัตถการที่ช่วยยกกระชับ ปรับผิวให้กลับมาเรียบเนียนเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าที่เคยให้เราเลือกทำหลากหลายวิธีมาก ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่นและให้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในหัตถการที่ช่วยย้อนวัยให้ผิวลึกถึงระดับเซลล์ ที่โด่งดังและมีประวัติใช้รักษามาอย่างยาวนาน คือ การฉีดสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ที่ใช้วิธีเซลล์ซ่อมเซลล์ การฉีด Stem Cell คืออะไร? ปลอดภัยและเห็นผลดีจริงไหม? ลินนาคลินิก (Linna Clinic) รวม 8 ข้อควรรู้ก่อนฉีดสเต็มเซลล์ (Stem cell) มาไว้เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบการตัดสินใจให้กับทุกคนไว้ในบทความนี้แล้ว Table of Contents Stem cell คืออะไร ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่าในร่างกายของเรานั้นประกอบขึ้นด้วยเซลล์ขนาดเล็กจิ๋ว กว่า 100 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะรวมตัวกันและกลายเป็นระบบอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ผิวหนัง เซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาว ฯลฯ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) คือ เซลล์ต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจัดเป็นเซลล์ตัวอ่อนที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะเจาะจง และสามารถแบ่งตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งในภายหลังสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์อื่นๆ ได้ เช่น

Brain Fog คืออะไร? สาเหตุ อาการ และวิธีฟื้นฟูภาวะสมองล้า

คุณเคยรู้สึกว่าเวลาที่ร่างกายตื่นแล้ว แต่สมองกลับทำงานช้าลง คิดอะไรไม่ออก หรือขาดสมาธิใช่ไหม? อาการเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า Brain Fog หรือภาวะสมองล้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและประสิทธิภาพการทำงานได้มากกว่าที่คิด บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จัก Brain Fog ตั้งแต่อาการ สาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางฟื้นฟูสมองให้กลับมาแจ่มชัดเหมือนเดิม Table of Contents Brain Fog คืออะไร? Brain Fog หรือ “สมองล้า–สมองลอย” ไม่ได้เป็นโรคโดยตรง แต่เป็น ภาวะผิดปกติชั่วคราวของการทำงานสมอง ทำให้เกิดอาการเหมือนสมองไม่ปลอดโปร่ง คิดช้า สมาธิสั้น หลงลืมง่าย หรือรู้สึกเบลอๆ เหมือนมีหมอกปกคลุมอยู่ในหัว คนที่เป็นมักจะบอกว่า “คิดอะไรไม่ออก สมองตัน” นี่อาจเป็น สัญญาณเตือน ว่าร่างกายและสมองกำลังเผชิญกับภาวะ Brain Fog เกิดความเครียด ความล้า หรือความไม่สมดุลบางอย่าง เช่น ฮอร์โมน การนอนหลับ หรือสารอาหารที่ขาดหายไป อาการที่บ่งบอกว่ากำลังเผชิญกับ Brain Fog Brain

Apple Watch ผู้ช่วยสุขภาพที่ไม่ได้แค่บอกเวลา

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์เล็กๆ บนข้อมืออย่าง Apple Watch กลายเป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะนอกจากบอกเวลาได้แล้ว ยังสามารถติดตามการออกกำลังกาย ตรวจวัดการเต้นของหัวใจ บันทึกการนอน ไปจนถึงช่วยเตือนให้คุณลุกขึ้นขยับร่างกายเมื่อคุณนั่งนานเกินไป เรียกได้ว่าเป็น “โค้ชสุขภาพส่วนตัว” ที่อยู่ใกล้ตัวคุณตลอด 24 ชั่วโมง Table of Contents Apple Watch คืออะไร Apple Watch คือ สมาร์ตวอทช์ (Smartwatch) ที่ผลิตโดยบริษัท Apple Inc. เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ข้อมือ ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ iPhone เป็นหลัก แต่รุ่นใหม่ๆ จะมีความสามารถในการเชื่อมต่อ Cellular เพื่อใช้งานได้อิสระมากขึ้น เป็นอุปกรณ์สวมใส่สุดอัจฉริยะที่ผสมผสานระหว่างฟังก์ชันการบอกเวลา การเชื่อมต่อสื่อสาร ที่โดดเด่นที่สุดคือคุณสมบัติด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย ทำให้มันกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลสุขภาพรวมทั้งช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน Apple Watch ทำอะไรได้บ้าง หน้าที่พื้นฐานของนาฬิกาคือการบอกเวลา แต่ Apple Watch สามารถแสดงข้อมูลอื่นๆ บนหน้าปัดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วันที่ สภาพอากาศ กิจกรรมประจำวัน

Shopping Cart
Scroll to Top