4 วิธีแก้แก้มตอบ ทวงคืนใบหน้าที่สดชื่นเปล่งปลั่ง !

คนที่มีปัญหาแก้มตอบนั้นจะมีบริเวณแก้มที่ยุบลงไป เหมือนกับมีแอ่งเล็ก ๆ อยู่บนใบหน้า ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นจุดบกพร่องของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว เพราะทำให้ใบหน้าดูไม่เอิบอิ่ม โทรม และไม่สดใส ซึ่งบางคนอาจมีลักษณะใบหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เกิด หรือบางคนอาจหน้าตอบเพราะลดน้ำหนักมากเกินไปจนทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลง

แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี ซึ่งจะช่วยให้สาว ๆ แก้ไขปัญหาแก้มตอบได้อย่างง่ายดาย รับรองได้ว่าจะมีใบหน้าที่สวยสมใจได้อย่างแน่นอน ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1. เพิ่มน้ำหนัก – มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เมื่อคนเราผอมลงเลยทำให้หน้าดูตอบ สำหรับใครที่ผอมมากจนเกินไปให้ลองค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนัก ด้วยการรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น เลือกรับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ แต่ก็แล้วอย่าลืมหมั่นออกกำลังกายด้วยนะคะ ไม่งั้นจะได้อ้วนเพิ่มขึ้นแต่ตัวแน่ ๆ

2. วิตามิน – ให้รับประทานอาการเสริมจำพวกวิตามินรวมเซนทรัม หรือวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่วนอาหารที่ไม่มีประโยชน์อย่างพวกชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมก็ควรงดหรือพยายามหลีกเลี่ยงนะคะ

3. แต่งหน้าแก้ไขแก้มตอบ – โดยเป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยทำให้ใบหน้าดูเอิบอิ่มยิ่งขึ้น เทคนิคสำคัญอยู่ที่การปัดแก้ม ซึ่งขอแนะนำให้สาว ๆ ที่มีปัญหาแก้มตอบทั้งหลายใช้บลัชออนสีชมพู ชมพูอมส้ม หรือสีแดงเชอร์รี่ ปัดลงบริเวณแก้มให้เป็นวงกลมตรงส่วนที่นูนที่สุดของแก้ม เพื่อเป็นการดึงจุดเด่นของพวงแก้มให้ดูเด่นชัดออกมา ทำให้แลดูมีแก้มมากขึ้น

4.ฉีดฟิลเลอร์แก้แก้มตอบ เป็นการฉีดสาร Hyaluronic acid ซึ่งเป็นสารที่มีความคงตัวสูงเข้าไปเพิ่ม Volume ในบริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณแก้มที่ตอบ ขมับบุ๋ม หรือแม้กระทั่งใช้เติมโหนกแก้มในบริเวณที่ต้องการ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

Before & After

สามารถแอดไลน์เพื่อปรึกษาหรือสอบถามโปรโมชั่นพิเศษของทางคลินิก ฟรี เพียง Click ที่ลิ้งค์:

Related Articles

วิธีใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้ามีดังนี้

 ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา หลังทำ HIFU อาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน  Table of Contents ข้อควรระวังในการทำ HIFU ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่

ไฮฟู (Hifu) ยกกระชับผิว

ไฮฟู (Hi-Fu) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่รองรับผิวหน้า พลังงานความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จางลง และผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น Table of Contents ขั้นตอนการทำไฮฟู ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชา (หากต้องการ) ทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำไฮฟูเพื่อปกป้องผิว แพทย์จะใช้หัวเครื่องไฮฟูจ่อไปที่บริเวณที่ต้องการรักษา แพทย์จะปล่อยพลังงานความร้อนจากเครื่องไฮฟูไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา ผลลัพธ์ของการทำไฮฟู ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูจะเริ่มเห็นผลชัดเจน 1-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สภาพผิว และความลึกของริ้วรอย โดยทั่วไปแล้ว การทำไฮฟูสามารถช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ถึง 50% และช่วยลดริ้วรอยลึกได้ถึง 30% นอกจากนี้ การทำไฮฟูยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า

การเตรียมความพร้อมสำหรับการฉีดโบท็อก(Botox)

การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้การฉีดราบรื่น ผลลัพธ์ออกมาดี และลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ดังนั้นหมอขอแนะนำดังนี้ค่ะ Table of Contents การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก (Botox) 1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงามประจำการ • ปรึกษาแพทย์ถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไข ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และเพื่อรับการประเมินว่าเหมาะสมกับการฉีดโบท็อก (Botox) หรือไม่ • แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาที่กำลังรับประทาน ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์และยาพื้นบ้าน • แจ้งการรักษาความงามอื่นๆ ที่เคยทำ เช่น เลเซอร์ ฟิลเลอร์ศัลยกรรม เป็นต้น 2. งดยาบางชนิด • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ทานอยู่ โดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาสมุนไพร ยาเสริมอาหารบางชนิดที่ทำให้เลือดไหลเวียนดี คอลลาเจน เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ แนะนำให้เลี่ยง 1 อาทิตย์ก่อนฉีดเพื่อลดโอกาสที่อาจเกิดรอยช้ำได้ • แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาบางชนิดชั่วคราวก่อนการฉีดโบท็อก (Botox) ขึ้นอยู่กับชนิดของยา 3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมบางประเภท • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนการฉีด

Scroll to Top