Sculptra และ Juvelook เป็นคอลลาเจน ไบโอสติมูเลเตอร์ (Collagen Biostimulator) ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ทั้ง 2 ตัว ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าสองตัวนี้ต่างกันอย่างไร ตัวไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง มีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไร ในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว และใครเหมาะกับ คอลลาเจน ไบโอสติมูเลเตอร์ (Collagen Biostimulator) ตัวไหนมาลองดูกันเลยค่ะ
Table of Contents
Sculptra คือ อะไร
Sculptra เป็นสารเติมเต็มผิวหนังชนิดหนึ่ง (Dermal Filler) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยใช้ Poly-L-lactic acid (PLLA) ผสมผสานระหว่าง Carboxymethylcellulose (CMC) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ปลอดภัย และเข้ากันได้ดีกับร่างกายซึ่งถือเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
ฉีด Sculptra เห็นผลเมื่อไรและอยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีด sculptra สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวอย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปี และเนื่องจากคอลลาเจนที่เกิดขึ้นสร้างมาจากร่างกายของเราเองทั้งหมด จึงมีความเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน ทำให้ผิวแน่น ฟู ยกกระชับ เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ จากการที่มีเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวเพิ่มมากขึ้นค่ะ
ฉีด Sculptra ราคาเท่าไหร่และต้องฉีด Sculptra ประมาณกี่ครั้ง
ราคาการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด ยี่ห้อของ Sculptra และสถานพยาบาล โดยปกติ ปริมาณ Sculptra ที่ใช้ฉีดต่อครั้งคือ 10 ซีซี ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท
โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ฉีด Sculptra 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เต็มที่ โดยราคารวมสำหรับ 3 ครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 75,000-105,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพผิวเดิม บริเวณที่ต้องการฉีด โปรโมชันของทางคลินิกและความต้องการผลลัพธ์ที่คาดหวังค่ะ
Juvelook คืออะไร
Juvelook (จูวีลุค) คือ คอลลาเจนบูสเตอร์ที่ผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิกกับกรดพอลิแลกติก (PDLLA) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของผิวทำให้ริ้วรอยดูจางลงอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเติมเต็มร่องลึกแก้ไขรอยแผลเป็น รอยหลุมสิวและยังช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสซึ่งถือว่าเป็น Skin Booster ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเกาหลี Juvelook มีความปลอดภัยเพราะผ่านการรับรองจาก FDA และ CE สำหรับกรดพอลิแลกติก (PDLLA) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เหมาะสำหรับผิวของคนมากขึ้น ซึ่งไม่มีความเสี่ยงในการเป็นก้อน ให้ผลลัพธ์ยาวนาน 1.5 ปีและสามารถสลายได้เองไม่มีสารตกค้างและไม่เป็นก้อน
ฉีด Juvelook เห็นผลเมื่อไรและอยู่ได้นานแค่ไหน
หมอขออธิบายการเห็นผลลัพธ์ของ Juvelook ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยทั่วไปแตกต่างกันดังนี้ค่ะ
- เริ่มเห็นผลลัพธ์บางส่วน: ภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังฉีด คุณอาจเริ่มเห็นผิวแลดูเรียบเนียน รูขุมขนกระชับขึ้น รอยสิวตื้นๆ ดูจางลงเล็กน้อย
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจน: ประมาณ 4-6 สัปดาห์ หลังฉีด ผลลัพธ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จางลง ผิวกระจ่างใส รูขุมขนเล็กลง
ระยะเวลาคงอยู่:
- ผลลัพธ์เต็มที่: โดยทั่วไปอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
ฉีด Juvelook ราคาเท่าไหร่และต้องฉีด Juvelook ประมาณกี่ครั้ง
ราคาการฉีด Juvelook ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด ยี่ห้อของ Juvelook และสถานพยาบาล โดยปกติ ปริมาณ Juvelook ที่ใช้ฉีดต่อครั้งคือ 6-8 ซีซี ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 16,000-25,000 บาท แล้วแต่โปรโมชันของคลินิกนั้นๆค่ะ
โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้ฉีด Juvelook 3 ครั้ง เดือนละ 1 ครั้ง ผลลัพธิ์จะอยู่ได้นานถึง 1-1.5 ปีขึ้นอยู่กับความต้องการแต่ละบุคคลและผลลัพธ์ค่ะ
Sculptra vs Juvelook วิธีการฉีดและผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร
Sculptra และ Juvelook เป็นสารเติมเต็มผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีจุดประสงค์เดียวกันคือช่วยเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่ทั้งสองชนิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
วิธีการฉีด
- Sculptra ต้องใช้เข็มขนาดใหญ่โดยทั่วไปแพทย์จะใช้เข็มทู่ขนาด 22-25 G ในการฉีด เนื่องจากอนุภาคของ Sculptra มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้มีความระรมหลังจากการฉีดที่มากกว่า
- Juvelook สามารถใช้เข็มแหลมขนาดเล็กขนาด 32 G และบางกว่าเข็มฉีดยาทั่วไปในการฉีด เนื่องจากอนุภาคของ Juvelook มีขนาดเล็กกว่า ทำให้มีความระรมที่น้อยกว่ามาก และ ความเจ็บที่น้อยกว่า
ผลลัพธ์
- Sculptra ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล เนื่องจากอนุภาคของ Sculptra จะต้องถูกย่อยสลายโดยร่างกายก่อนจึงจะสามารถสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายใน 4-6 สัปดาห์หลังฉีดครั้งที่สอง
Juvelook เห็นผลได้เร็วกว่า Sculptra เนื่องจากอนุภาคของ Juvelook มีขนาดเล็กกว่า ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็วกว่า โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด ผิวดูอ่อนเยาว์เรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง กระจ่างใส และริ้วรอยจางลง
ระยะเวลาคงอยู่
- Sculptra มีผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานกว่า Juvelook ประมาณ 1-2 ปี
- Juvelook มีผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้ประมาณ 1.5 ปี
ราคา
- Sculptra มีราคาสูงกว่า Juvelook เนื่องจากเป็นสารเติมเต็มที่ได้รับการรับรองจาก FDA มานานกว่าและมีผลการวิจัยรองรับมากกว่า
ตารางเปรียบเทียบระหว่างSculptra vs Juvelook
คุณสมบัติ | Sculptra | Juvelook |
ส่วนประกอบ | Poly-L-lactic acid (PLLA) | PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) |
เหมาะกับใคร | ผู้ที่ต้องการเติมเต็มอย่างธรรมชาติและยกกระชับใบหน้าคืนความอ่อนเยาว์ | ผู้ที่ต้องการผิวกระจ่างใส ผิวกระชับเด้ง ลดริ้วรอยที่หน้าและคอ ลดหลุมสิว ลดรอยแตกลายที่ตัว |
จุดเด่น | สารสังเคราะห์จากพืชตัวแรกและตัวเดียวในโลก ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกา | นวัตกรรมงานผิวใหม่ล่าสุดนิยมสูงสุดในเกาหลี เป็นสารที่ปลอดภัยไม่เกิดก้อน เข้ากับผิวได้ดี |
ความเจ็บ | 💉💉💉 | 💉💉 |
ระยะเวลาเห็นผล | ภายใน 3-4 สัปดาห์ | ภายใน 2-3 สัปดาห์ |
ผลลัพธ์ | สูงสุด 2 ปี | สูงสุด 1.5 ปี |
Juvelook มีข้อดีหลายประการ เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ราคาไม่แพง เหมาะกับริ้วรอยตื้นๆ ปรับรูขุมขน ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส เจ็บน้อย ช้ำน้อย เกิดผลข้างเคียงน้อย ส่วนใครที่ต้องการงานยกกระชับและเติมเต็มผิว แนะนำ Sculptra ได้เลยค่ะ หากคุณสนใจ Juvelook หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินสภาพผิวของคุณ ได้ที่ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์รวมถึงตัวยาที่ใช้ความปลอดภัยมี อย. สามารถฉีดได้ มั่นใจได้และคนไข้สามารถปรึกษาลินนาคลินิกได้ที่เบอร์ 063-609-8888 หรือทางไลน์ @linnaclinic ค่ะ