ความดันสูง (Hypertension) เป็นภาวะสุขภาพที่พบได้ 1 ใน 5 ของคนไทย อีกหนึ่งภัยเงียบที่แอบแฝงอยู่ในร่างกายซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการของโรคอย่างชัดเจนจนกระทั่งเข้าสู่ระยะรุนแรงและเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ ตามมาส่งผลให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตได้ การดูแลระดับความดันให้เป็นปกติอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ LINNA Clinic ชวนทำความเข้าใจ ความดันสูง คืออะไร? อาการแบบไหนบ่งชี้ว่าคุณอาจเป็นภาวะความดันสูง พร้อมวิธีดูแลตัวเองและทางเลือกสำหรับการลดภาวะความดันสูงด้วย Alternative Medicine การแพทย์ทางเลือกโดยไม่ต้องใช้ยา
Table of Contents
ความดันสูงคืออะไร
ความดันสูง (Hypertension) คือ ภาวะที่ค่าความดันโลหิตสูงกว่าระดับปกติต่อเนื่องกันเป็นเวลานานซึ่งค่าความดันปกติของคนทั่วไปจะอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ส่วนผู้ที่เริ่มมีภาวะความดันสูงมักตรวจพบค่าความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท โดยสามารถแบ่งภาวะความดันสูงออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ความดันสูงชนิด Primary Hypertension เป็นภาวะความดันสูงที่พบได้มากถึงร้อยละ 95 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุเนื่องจากความดันสูงประเภทนี้อาจกินเวลาต่อเนื่องได้หลายสิบปีและจะแสดงอาการของโรคเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรง
- ความดันสูงชนิด Secondary Hypertension เป็นภาวะความดันสูงที่พบได้น้อยกว่าและมักปรากฏอาการของโรคขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ต่อมหมวกไต โรคของต่อมไร้ท่อ ความผิดปกติของฮอร์โมน ฯลฯ รวมไปจนถึงการได้รับสารเคมี การใช้สารเสพติดหรือใช้ยาบางชนิด
คุณเป็นความดันสูงไหม เช็กได้จากอาการเหล่านี้
โดยทั่วไปภาวะความดันสูงมักไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนที่ชัดเจนจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรงแต่อย่างไรก็ตามอาจมีเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับภาวะของโรค ดังนี้
- มีอาการวิงเวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้อาเจียนบ่อยๆ
- รู้สึกปวดศีรษะโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงบริเวณท้ายทอย
- มีอาการอ่อนเพลีย ใจสั่น เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- นอนหลับยาก มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ
- สายตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
- มือเท้าชา
- มีเลือดกำเดาไหล
การเช็กระดับความดันสูง
หากตรวจพบอาการผิดปกติตามที่กล่าวมาในข้างต้นสามารถวัดระดับความดันของตนเองได้จากที่บ้านด้วยการใช้เครื่องมือเพื่อตรวจวัดระดับความดันวันละ 4 ครั้ง อย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อย 4-7 วันและจดบันทึกค่าตัวเลขเอาไว้อย่างละเอียด โดยมีวิธีการเช็กระดับความดันสูงที่แนะนำดังนี้
- วัดความดันโลหิตครั้งที่ 1 หลังจากตื่นนอนและปัสสาวะเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเว้นระยะ 1 นาทีแล้ววัดซ้ำครั้งที่ 2
- วัดความดันโลหิตครั้งที่ 3 ก่อนเข้านอนโดยควรนั่งพักประมาณ 3-5 นาทีแล้วจึงเริ่มวัด จากนั้นเว้นระยะอีก 1 นาทีแล้ววัดซ้ำครั้งที่ 4
หากค่าเฉลี่ยของตัวเลขที่วัดได้มีค่าเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอทถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะความดันสูง ควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมแสดงค่าความดันที่จดบันทึกไว้เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยระดับความรุนแรงของโรคและวางแผนการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
ความดันสูงเกิดจากอะไร
ภาวะความดันสูงเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยร่วมกันซึ่งในผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 95 มักเกิดขึ้นจากสาเหตุเหล่านี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีเป็นต้นไป
- พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะความดันสูงมักมีโอกาสของการเกิดโรคได้มากกว่าบุคคลทั่วไป
- ผู้ที่สูบบุหรี่จัดและดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำ
- ผู้บริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูงหรืออาหารรสจัดอยู่บ่อยครั้ง
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคไต ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
- ผู้ที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสะสม
- ผู้มีพฤติกรรมเนือยนิ่งหรือต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน เช่น พนักงานออฟฟิศ ผู้ที่ต้องขับรถนานๆ เป็นต้น
นอกไปจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดภาวะความดันสูงซึ่งพบได้น้อยกว่า เช่น การทำงานที่ผิดปกติของไต มีเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ ภาวะครรภ์เป็นพิษ การใช้ยาบางชนิด สารเสพติดและสารเคมี เป็นต้น
การดูแลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีภาวะความดันสูง
ในกลุ่มที่มีภาวะความดันสูงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพให้เหมาะสมเพื่อช่วยควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติได้ดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ มีผักและผลไม้ในทุกมื้ออาหาร
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัด อาหารที่มีโซเดียมสูง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำตามคำสั่งแพทย์
- พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง/วัน ทำจิตใจให้สงบ ไม่เครียด
- ในกลุ่มที่ต้องทานยาลดความดันจะต้องทานยาอย่างต่อเนื่องตามคำสั่งแพทย์ ไม่หยุดยาด้วยตนเอง รวมถึงหมั่นจดบันทึกค่าความดันเป็นประจำทุกวันเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการประเมินและปรับแผนการรักษาในครั้งถัดๆ ไป
ความเสี่ยงโรคร้ายหากเป็นความดันสูง
ภาวะความดันสูงหากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญภายในร่างกายจนทำให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตได้ ดังนี้
- หัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Heart failure) กล้ามเนื้อหัวใจหนา ภาวะหัวใจขาดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน
- สมอง ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ ตัน หลอดเลือดในสมองแตก มีเลือดออกในสมองเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
- ตา ทำให้หลอดเลือดบริเวณจอรับภาพแตก จอตาบวม ประสาทตาเสื่อม ตาพร่ามัวและอาจทำให้ตาบอดได้
- ไต ทำให้เนื้อไตและเส้นเลือดในไตเสื่อมจนเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังตามมาในท้ายที่สุด
Alternative Medicine ช่วยเรื่องความดันสูงได้อย่างไร
ภาวะความดันสูงสามารถดูแลและฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ด้วยการใช้ยาตามคำสั่งแพทย์รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม นอกไปจากนี้ยังสามารถเลือกใช้วิธีอื่นๆ ควบคู่กันไปเพื่อช่วยลดภาวะอาการความดันสูงให้ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย Alternative Medicine การแพทย์ทางเลือกที่มีความปลอดภัยและเป็นวิธีการบำบัดร่างกายโดยไม่ต้องใช้ยา สำหรับผู้ที่มีภาวะความดันสูงและกำลังมองหาตัวช่วยเพื่อฟื้นฟูร่างกายสามารถแอดไลน์ @linnaclinic หรือติดต่อเข้ามาที่เบอร์ 063-609-8888 เพื่อจองคิวประเมินร่างกายอย่างละเอียดและวางแผนการลดภาวะความดันสูงด้วย Alternative Medicine โดยอาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงของ LINNA Clinic ได้เลยค่ะ