- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดและแห้ง
- ทาเจลหล่อลื่นบนใบหน้าบริเวณที่ต้องการทำ HIFU
- เลือกหัวยิงให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการทำ HIFU
- วางหัวยิงบนใบหน้าและกดปุ่มเพื่อเริ่มทำ HIFU
- เคลื่อนหัวยิงไปตามบริเวณที่ต้องการทำ HIFU โดยกดปุ่มยิงแต่ละจุดค้างไว้จนกว่าเสียงติ๊ดจะดังขึ้น
- ทำซ้ำขั้นตอน 5-6 กับบริเวณอื่น ๆ ที่ต้องการทำ HIFU
ระยะเวลาในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและระดับความลึกที่ต้องการยิง โดยปกติจะใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที แต่การทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา
หลังทำ HIFU บางท่านอาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลลัพธ์ของการยกกระชับใบหน้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
Table of Contents
ข้อควรระวังในการทำ HIFU
- ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีแผลเปิดหรืออักเสบ
- ห้ามทำ HIFU ในบริเวณที่มีโลหะฝังอยู่
- ควรทำ HIFU โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เครื่อง HIFU ในการยกกระชับใบหน้า ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญนะคะ
การใช้เครื่อง HIFU ในการลดริ้วรอยใบหน้า มีประโยชน์ดังนี้
- HIFU มีคลื่นพลังงานความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ให้เราใบหน้า ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ ลดลง และริ้วรอยแลดูจางลง
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะปรากฏให้เห็นภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน สำหรับเรื่องริ้วรอยค่ะ
นอกจากนี้ การทำ HIFU ยังมีข้อดีอื่นๆ ดังนี้อีกด้วย
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำ HIFU สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- ปลอดภัย การทำ HIFU เป็นหัตถการที่ไม่ใช้มีดผ่าตัด ไม่มีแผลเปิด จึงมีความปลอดภัยสูง
- คลื่น ultrasound มีความปลอดภัยสูง เป็นคลื่นเดียวกับที่ใช้ ultrasound แม่ท้อง
- เหมาะกับทุกสภาพผิว การทำ HIFU เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้แต่ผู้ที่มีผิวบอบบางก็สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม การทำ HIFU มีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้
- ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หลังทำ HIFU อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์หน้าด้วยความเย็น 1 เดือนหลังทำ HIFU
- หลีกเลี่ยงการทานยาแก้อักเสบ หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ
เทคโนโลยี HIFU และการกระชับผิวหน้า
เทคโนโลยี HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะจุด (Focused Ultrasound) ไปยังเนื้อเยื่อชั้น Superficial Muscular Aponeurotic System หรือ SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า
การทำงานของเทคโนโลยี HIFU คือ การส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังเนื้อเยื่อชั้น SMAS ทำให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิว เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินหดตัว ผิวจึงเกิดการยกกระชับขึ้น
นอกจากนี้ เทคโนโลยี HIFU ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อีกด้วย ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้นอย่างยั่งยืน
ผลลัพธ์ของการยกกระชับผิวด้วยเทคโนโลยี HIFU จะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 1-3 เดือน และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวเหี่ยวย่น ผิวมีริ้วรอย และผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ผ่าตัด
ข้อดีของHIFU
- เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- ไม่ทำให้เกิดแผล ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย
ข้อเสียของเทคโนโลยี HIFU
- ราคาค่อนข้างสูง
- อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหลังทำ
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ก่อนตัดสินใจทำเทคโนโลยี HIFU ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
HIFU Machines ในการยกกระชับใบหน้าปลอดภัยแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว HIFU machines ถือว่ามีความปลอดภัยสูงในการยกกระชับใบหน้า เนื่องจากใช้คลื่นอัลตราซาวนด์แบบโฟกัส (focused ultrasound) ในการส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้น SMAS (superficial musculoaponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นนอกหรืออวัยวะภายใน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ HIFU machines นั้นมักไม่รุนแรงและหายได้เองภายในไม่กี่วัน โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการแดงหรือบวมบริเวณที่ทำ
- รู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนเล็กน้อย
- ผิวแห้งหรือลอกเป็นขุย
- อาจเกิดอาการชาได้ในบางจุด
ผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่า เช่น รอยไหม้ รอยแผลเป็น หรือความเสียหายต่อดวงตานั้นพบได้น้อยมาก โดยเกิดขึ้นได้หากเครื่อง HIFU machines ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างถูกต้อง หรือคนที่ทำไม่มีความชำนาญ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ให้บริการ HIFU ที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์หรือผู้ทำการรักษาควรมีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ก่อนทำ HIFU ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ทำการรักษาเกี่ยวกับข้อห้ามและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแจ้งประวัติทางการแพทย์ทั้งหมด เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมค่ะ
ข้อห้ามในการทำ HIFU ได้แก่
- ผู้มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคติดเชื้อในบริเวณที่จะทำ HIFU ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ผู้ที่เพิ่งรับการผ่าตัดบริเวณที่จะทำ HIFU ไม่เกิน 6 เดือน
HIFU เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด เนื่องจากเป็นการรักษาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใช้เวลาไม่นาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ทันทีหลังการรักษา
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ HIFU ในการกระชับใบหน้า มีดังนี้ค่ะ
- ยกกระชับผิวบริเวณแก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา หางตา หน้าผาก กรอบหน้า เหนียง
- ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม และใต้ตา
- ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- กระชับรูขุมขน
- ผิวเรียบเนียนขึ้น แลดูใสขึ้น
ผลลัพธ์เหล่านี้จะปรากฏให้เห็นชัดเจนภายใน 1-3 สัปดาห์หลังการรักษา และสามารถคงอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน โดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและจำนวนครั้งที่ทำการรักษา
ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วย HIFU ได้แก่
- ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม และใต้ตา
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม ร่องแก้ม เหนียง กรอบหน้า คอ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง
- ผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน และให้หน้าใสขึ้นอย่างธรรมชาติ
- ผู้ที่ไม่ต้องการใช้เข็ม หรือสารแปลกปลอมเข้าสู่ใบหน้า
เครื่อง HIFU ที่ได้รับความนิยมมากในตลาด
เครื่อง HIFU ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดในปัจจุบัน ได้แก่
- Ulthera SPT เป็นเครื่อง HIFU จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป เป็นเครื่อง HIFU ที่ใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound (MFU) ส่งพลังงานอัลตราซาวนด์แบบจุดเล็กลงสู่ชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ ช่วยยกกระชับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Ultraformer III เป็นเครื่อง HIFU จากประเทศเกาหลี ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเช่นกัน เป็นเครื่อง HIFU ที่ใช้เทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ส่งพลังงานอัลตราซาวนด์แบบจุดเล็กและจุดใหญ่ลงสู่ชั้น SMAS และชั้นหนังแท้ (dermis) ได้อย่างแม่นยำ ช่วยยกกระชับผิวและลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำแนะนำในการเลือกใช้ HIFU สำหรับการยกกระชับใบหน้า
ในการเลือกใช้ HIFU สำหรับการยกกระชับใบหน้า หมอแนะนำว่าควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ค่ะ
- ยี่ห้อและรุ่นของเครื่อง ควรเลือกเครื่องที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น FDA, CE, KFDA เป็นต้น
- พลังงานของคลื่นอัลตราซาวนด์จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้า โดยพลังงานที่สูงขึ้นจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้น แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้มากกว่า เช่น อาการบวมแดง ไหม้ หรือรอยแผลเป็น
- ประสบการณ์ของแพทย์ แพทย์ผู้ทำ HIFU ควรมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่อง HIFU เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
นอกจากนี้ ควรพิจารณาจากปัญหาและความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น
- หากต้องการยกกระชับใบหน้าบริเวณใดเป็นพิเศษ ควรเลือกเครื่องที่มีหัวยิงแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับบริเวณนั้น เช่น หัวยิงสำหรับยกกระชับกรอบหน้า หัวยิงสำหรับยกกระชับคิ้ว
- หากมีผิวบอบบาง ควรเลือกเครื่องที่มีพลังงานของคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ต่ำลง
หากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรทำ HIFU ซ้ำทุก 4-6 เดือน
ข้อจำกัดของเครื่อง HIFU ในการใช้ในการยกกระชับใบหน้า
เครื่อง HIFU มีข้อจำกัดบางประการในการใช้ในการยกกระชับใบหน้า ดังนี้
- พลังงานไม่เพียงพอ หากพลังงานของเครื่อง HIFU ไม่เพียงพอที่จะลงไปทำลายคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่ชัดเจนหรืออาจไม่เห็นผลเลย
- แพทย์ผู้ทำหัตถการไม่มีความชำนาญ หากแพทย์ผู้ทำหัตถการไม่มีความชำนาญในการใช้เครื่อง HIFU พลังงานอาจกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เท่ากัน หรืออาจเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ เป็นต้น
- สภาพผิวไม่เหมาะสม เครื่อง HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง หากผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องใช้ทางเลือกอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น การผ่าตัดศัลยกรรม หรือร้อยไหม
นอกจากนี้ เครื่อง HIFU ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาก่อนทำหัตถการ ดังนี้
- ระยะเวลาการรักษา การทำ HIFU ทั่วหน้า 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ และสำหรับที่ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
- ผลลัพธ์ ผลลัพธ์ของการทำ HIFU จะปรากฏให้เห็นทันที 10-20% และ ชัดเจนสุดมใน 1-3 เดือน และผลการยกกระชับอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ส่วนการลดริ้วรอยจะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
- ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ เทคโนโลยีของเครื่อง HIFU และสถานที่ๆรับบริการ
การดูแลรักษาหลังจากการใช้ HIFU
หมอแนะนำให้คนไข้ดูแลตัวเองดังนี้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดหรือความร้อน ในช่วง 2-3 วันแรกหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดหรือความร้อนโดยตรง เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณที่ทำเกิดอาการระคายเคืองได้
- ทาครีมกันแดด ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์ เพราะเป็นการทำลายคอลลาเจนในผิวของเรา
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ช่วยให้คอลลาเจนเกิดการสร้างใหม่ได้ดี และมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรทำไฮฟู่หากมีรอยไหม้ รอยแผลสด หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟู่ หากมีโรคส่วนตัวใดๆก่อนทำ
- อาจมีอาการปวดเมื่อย บวมแดง หรือระคายเคืองบริเวณที่ทำไฮฟู่ได้ อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 3-7 วัน
- ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดหรือความร้อนโดยตรงหลังทำไฮฟู่
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หลังทำ HIFU อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน
- หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์หน้าด้วยความเย็น 1 เดือนหลังทำ HIFU เพราะ HIFU ใช้พลังงานความร้อนสะสมในการกระตุ้นคอลลาเจน การใช้ความเย็นลงไปที่ชั้นผิวอาจส่งผลทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงานของการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน
- หลีกเลี่ยงการทานยาแก้อักเสบ หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะจะลดประสิทธิภาพการทำงานของการกระตุ้นคอลลาเจนลงทำให้ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจน
การใช้ HIFU ในการลดไขมันบนใบหน้า
HIFU สามารถลดไขมันที่ใบหน้าได้ โดยหัวที่ใช้ยิงควรยิงไปที่ชั้นไขมัน (Subcutis) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ในสุดของชั้นผิวหนัง ประกอบด้วย เซลล์ไขมัน (adipocytes & special collagen fibres) ซึ่งจะอยู่กันเป็นก้อน คลื่นพลังงานของ HIFU สามารถส่งพลังงานความร้อนลงไปลึกถึงชั้นไขมันได้ ในการลดไขมันใต้ใบหน้าสามารถช่วยลดไขมันได้เล็กน้อย โดยทั่วไปแล้ว หากคนไข้มีไขมันใต้ผิวหนังน้อย การใช้ HIFU จะสามารถช่วยลดไขมันได้เห็นผลที่ชัดเจนกว่าคนที่มีไขมันใต้ผิวหนังมากค่ะ ทั้งนี้หากมีไขมันเยอะมากหมอจะแนะนำให้ฉีดสลายไขมัน (mesofat) ร่วมด้วยกับการทำ HIFU จะทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่ามาก
ข้อดีของการใช้ HIFU ในการลดไขมันที่ใบหน้า ได้แก่
- ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
- ไม่ทิ้งรอยแผล
ข้อเสียของการใช้ HIFU ในการลดไขมันที่ใบหน้า ได้แก่
- อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ
- อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ต้องใช้จำนวนชอตที่มากเพื่อทำลายเซลล์ไขมัน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง
ประสิทธิภาพของ HIFU เทียบกับวิธีการอื่นในการยกกระชับใบหน้า
เมื่อเทียบกับวิธีการยกกระชับใบหน้าแบบอื่น ๆ เช่น การร้อยไหม การดึงหน้า เป็นต้น HIFU มีข้อดีดังนี้
- มีประสิทธิภาพในการยกกระชับใกล้เคียงกับการดึงหน้า แต่ไม่ต้องผ่าตัด
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 15-20 นาที (ของที่ลินนาคลินิก)
- ผลข้างเคียงน้อย เพียงอาการ ปวด บวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
- มีความปลอดภัยสูง
อย่างไรก็ตาม HIFU มีข้อจำกัดดังนี้
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ไม่สามารถยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยมากได้
- ผลลัพธ์อาจไม่คงทนเท่าการดึงหน้า
ความแตกต่างระหว่างการทำ HIFU ที่คลินิกความงาม และเครื่อง HIFU Homeuse ที่ทำเองได้ที่บ้าน
HIFU ของคลินิก
HIFU ทางคลินิกเป็นการทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เครื่อง HIFU ที่มีพลังงานสูง สามารถยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นานกว่า HIFU ทางบ้านมาก
ข้อดีของการทำ HIFU ที่คลินิก
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนกว่า
- อยู่ได้นานกว่า
- ปลอดภัย เพราะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแล
ข้อเสียของการทำ HIFU ที่คลินิก
- ราคาสูงกว่า
- ใช้เวลาทำนานกว่า
- อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น บวมแดง
HIFU Homeuse ที่บ้าน
HIFU Homeuse เป็นการใช้เครื่อง HIFU ขนาดเล็ก ที่สามารถซื้อมาใช้เองได้ที่บ้าน พลังงานจะน้อยกว่า HIFU ที่คลินิกมาก แต่ก็สามารถช่วยให้ผิวกระชับขึ้นได้บ้างเล็กน้อย
HIFU สำหรับทำเองที่บ้านเป็นอุปกรณ์ความงามที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
HIFU สำหรับทำเองที่บ้านมีให้เลือกหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีพลังงานและฟังก์ชันที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
มาตรฐานของ HIFU Homeuse
- พลังงานของ HIFU ที่บ้านมีความสำคัญต่อผลลัพธ์การรักษา หากพลังงานไม่เพียงพอ จะไม่สามารถสร้างความร้อนได้เพียงพอที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ หากพลังงานมากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยไหม้ ได้
- พลังงานของ HIFU ที่บ้านควรอยู่ที่ประมาณ 20-40 J/cm2
- ฟังก์ชัน HIFU ที่บ้านควรมีฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น ปรับระดับพลังงานได้ ปรับโหมดการยิงได้ เป็นต้น
ข้อดีของ HIFU Homeuse
- ราคาไม่แพง
- ไม่เจ็บเลย
- สะดวก ประหยัดเวลา สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
ข้อเสียของ HIFU Homeuse
- เห็นผลลัพธ์น้อยกว่ามาก
- ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
- ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
- ผู้ที่ใช้ควรอ่านวิธีการใช้ให้ดี เพราะแต่ละจุดต้องใช้ค่าพลังงานที่ต่างกันออกไป และไม่สามารถทำที่บริเวณต่อมไทรอยด์ได้
ระยะเวลา
HIFU ทางคลินิกอาจใช้เวลาแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15-20 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา
HIFU Homeuse ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการทำโดยไม่ต้องแปะยาชา
สรุปความแตกต่างระหว่าง Professional HIFU ของคลินิกและ HIFU Homeuse
ปัจจัย | Professional HIFU ที่คลินิก | HIFU Homeuse ที่บ้าน |
พลังงาน | สูง | ต่ำ |
ความแม่นยำ | สูง | ต่ำ |
เห็นผลลัพธ์ | ชัดเจน | ไม่ชัดเจน |
อยู่ได้นาน | นาน | ไม่นาน |
ราคา | ปานกลาง – แพง | ถูก |
ความปลอดภัย | ปลอดภัยกว่า | เสี่ยงต่อผลข้างเคียง |
การทำ HIFU ที่คลินิกจะได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยี HIFU อย่างดี แพทย์สามารถปรับแต่งการใช้ HIFU ให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่สามารถทำได้เมื่อทำด้วยตนเองที่บ้าน และคลินิกมีบริการหลังการรักษาที่ดี ทำให้คุณมั่นใจในการดูแลตัวเองหลังจากการทำ HIFU หากท่านไหนสนใจทำ HIFU สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยค่ะ