ปัญหาเรื่องผิวหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับ คิ้วตก หนังตาตก หรือริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย รวมไปถึงไขมันส่วนเกินบนใบหน้าที่มีเยอะเกินไป ซี่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าไม่เข้ารูป ไม่กระชับ อาจมีปัญหาเรื่องไขมันใต้คาง หรือคางสองชั้น ปัญหาต่างๆเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมลพิษ สภาพแวดล้อม หรืออายุที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงพฤติกรรมการบริโภคอีกเช่นกัน หลายๆคนต้องหาวิธีในการลดปัญหาต่างๆเหล่านี้
ปัจจุบันได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีและเทคนิคต่างๆ มากมายที่จะสามารถช่วยในการยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ในการรักษาจะแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ 1 การผ่าตัดศัลยกรรม 2 การหัตถการด้วยอุปกรณ์เพื่อความงาม ซึ่งทั้ง 2 วิธี ที่กล่าวมานี้ ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เรามีวิธีในการยกกระชับใบหน้ามาแนะนำสำหรับเพื่อนๆที่สนใจ และต้องการยกกระชับใบหน้าเพื่อเพื่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้า ดังนั้นเราไปดูกันเลยดีว่าวิธีการไหนที่น่าสนใจและสามารถตอบโจทย์สำหรับเพื่อนๆได้มากที่สุด
ปรับกระชับใบหน้าด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม
การผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า หรือการดึงหน้า เป็นการผ่าตัดใบหน้าโดยใช้เครื่องมือแพทย์ เพื่อปรับรูปหน้าให้กระชับเข้ารูปขึ้น วิธีนี้จะสามารถลดความหย่อนคล้อยในบริเวณใบหน้าและลำคอได้ ผิวเกิดความกระชับอ่อนเยาว์ขึ้น มีใบหน้าที่เรียวขึ้น ริ้วรอยร่องลึงในบริเวณใบหน้าจะหายไป ทำให้มีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัย ในการผ่าตัดอาจมีการตัดเนื้อผิวหนังออกเพื่อเพิ่มความกระชับ หรือขูดไขมันส่วนเกินบนใบหน้าออกด้วย แผลจากการผ่าตัดศัลยแพทย์จะเย็บเก็บในบริเวณที่มองไม่เห็น เช่นบริเวณเหนือไรผม หรือบริเวณหลังใบหู
ในการผ่าตัดศัลยแพทย์จะให้ผู้เข้ารับการรรักษาดมยาสลบก่อนเริ่มการผ่าตัด จากนั้นก็เริ่มทำการผ่าตัดโดยการทำแนวเส้นเส้นผ่าตัดก่อน ซึ่งจะเริ่มเปิดแผลตรงขมับในบริเวณเหนือไรผม ไล่ตามแนวผมมาจนถึงบริเวณหูด้านหน้า แล้วย้อนไปด้านหลังใบหู หรืออาจลากลึกไปยังหนังศรีษะส่วนล่าง ตรงส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้าของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคนเช่นกัน เมื่อศัลยแพทย์ทำแนวเส้นผ่าตัดได้แล้วจะเริ่มทำการแยกชั้นผิวหนังออกจากชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ศัลยแพทย์จะทำการดึงให้ตึงขึ้นและตัดผิวหนังส่วนที่เกินออกแล้วทำการเย็บแผล เมื่อเวลาผ่าไปแผลที่เกิดจากการผ่าตัดจะกระชับขึ้นจนมองไม่เห็น รวมไปถึงผู้เข้ารับการรักษาจะมีผิวหน้าและลำคอที่กระชับอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากทำการรักษาเสร็จ ต้องพักฟื้นตัวประมาณ 1-2 สัปหาด์ ในส่วนของใบหน้าจะมีรอยบวม รอยฟกช้ำจากการผ่าตัด มีอาการปวดแผลแต่สามารถทานยาเพื่อบรรเทาอาการได้ หรืออาจจะมีอาการชาตรงบริเวณใบหน้าและลำคอ ประมาณ 2-3 ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการากระทบต่อบาทแผลไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนประมาณ 3 เดือน ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถกลับมาใช้เครื่องสำอางค์ได้ตามปกติ หลังจากได้ทำการถอดไหมเรียบร้อยแล้ว และควรทำตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งคัด ผลของการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า จะอยู่ได้นาน 5-10 ปี
การร้อยไหม
การร้อยไหมเป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้าด้วยการใช้ไหมละลายเย็บเข้าไปยังเนื้อเยื้อใต้ผิวหนัง โดยการเย็บร้อยเป็นตาข่าย ใต้พื้นผิวบริเวณที่ร้อยไหมจะมีการอักเสบจึงทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่และมีการกระตุ้นการทำงานของการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนัง รวมไปถึงการกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ใบหน้ามีความเรียวกระชับเต่งตึงขึ้น บริเวณใต้คางกระชับขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าได้อีกด้วย
ในการยกกระชับใบหน้าด้วยการร้อยไหม แพทย์จะใช้วิธีการฉีดยาชาเพื่อระงับความเจ็บให้ก่อน จากนั้นจะใช้เข็มในการร้อยไหมละลายเข้าไปยึดตามเนื้อเยื้อผิวหนังในชั้นลึกสุด โดยจะเย็บเส้นไหมเรียงให้เป็นรูปข่ายตามโครงหน้าของผู้เข้ารับการรักษา เพื่อยึดให้ผิวหนังในบริเวณนั้นเกิดการเต่งตึงขึ้น โดยเส้นไหมที่เย็บเข้าไปจะมีการละลายตัวในระยะเวลา 6 เดือน ช่วงระหว่างทำการรักษาผู้เข้ารับการรักษาจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการรักษา และจะมีรอยแดงช้ำตามแนวเข็มที่ทำการรักษา หรืออาจบวมเล็กน้อย
หลังจากทำการรักษาเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะมีอาการใบหน้าบวม หรือเจ็บปวดเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการรักษาแต่จะกลับสู่ภาวะปกติในระยะเวลา 1 สัปดาห์ ในช่วง2 สัปดาห์แรกไม่ควรทำ Treatment หน้า และ งดการทำเลเซอร์บนใบหน้าก่อน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้สารทุกชนิดที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA และ Retinoid ในระยะเวลา 2 เดือนหลังทำการรักษาต้องงดการนวดหน้าในบริเวณที่ร้อยไหม ผู้เข้ารับการรักษาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าที่กระชับขึ้นทันทีหลังเสร็จการรักษา และจะค่อยๆเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ขัดขึ้นในช่วง 1-2 เดือน แต่จะเห็นผลชัดที่สุดในช่วงเดือนที่ 6 หลังจากเสร็จการักษา ผลของการรักษาจะอยู่ได้นาน 1-2 ปี
การฉีดโบท็อก
“โบทูลินั่ม ท็อกซิน” (Botulinum toxin) หรือเรียกอีกอย่าหนึ่งว่า “โบท็อก” (Botox) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม การรักษาใบหน้าด้วยการฉีดโบท็อกจะนิยมใช้เพื่อการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีใบหน้ากระชับขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ รวมไปถึงช่วยลดรักษาอาการปวดศีรษะ และอาการปวดเกร็งบริเวณต้นคอ
การฉีดโบท็อกเป็นการฉีดสารเข้าไปยังกล้ามเนื้อผิวหนัง ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้วเจ้าตัวโบท็อก ก็จะไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว หรืออีกความหมายก็คือ เกิดการอัมพาดของกล้ามเนื้อในส่วน จะมีอาการแค่ในช่วงสั้นๆหลังรักษา ในขั้นตอนการรักษาแพทย์จะทายาชา หรืออาจจะประคบด้วยความเย็นบริเวณในที่จะทำการรักษา จากนั้นแพทย์จะฉีด โบท็อก เข้าบริเวณที่ต้องการรักษาโดยใช้เข็มฉีดที่มีขนาดเล็กมาก ในระว่างการรักษาผู้เข้ารับการรักษาจะมีความรู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการรักษา เมื่อทำการรักษาเสร็จจะมีรอยแดงช้ำเล็กน้อย ตามแนวเข็มในบริเวณที่ทำการรักษา
หลังจากทำการรักษาเสร็จแล้วนั้น ในช่วง 2-3 วันหลังรักษา จะเริ่มมีอาการ หน้าตึง ยกคิ้วยาก หนักบริเวณเหนือคิ้ว และจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจผู้เข้ารับการรักษาไม่ควรนอนราบกับพื้นเป็นเวลา 3 ชม. และในช่วงเดือนแรกหลังจากทำการรักษาจะต้องงดการนวดหน้า การทำทรีทเม้นท์หน้า หรือการอบซาวหน้าต่างๆ ต้องหมั่นประคบเย็น หรืออุ่นในบริเวณที่ฉีดยาเพราะจะช่วยลดรอยแดงช้ำในส่วนนั้น ในการฉีดโบท็อกแต่ละครั้งผลขอลการฉีดจะอยู่ได้นาน 3-8 เดือน
การทำ Hifu
High Intensity Focus Ultrasound หรือเรียกว่า Hifu หลายๆคนอาจยังไม่รู้จักว่าการทำ Hifu คืออะไร Hifu เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มีการพัฒาขึ้นมาเพื่อช่วยในการยกกระชับใบหน้า ช่วยสะลายไขมันส่วนเกินบนบริเวณใบหน้าและคาง เพื่อรูปหน้าที่ชัดขึ้น เรียวขึ้น และยังช่วยลดเหนียง หรือคางสองชั้นได้ด้วย รวมถึงลดเลือนริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหนังเพื่อผิวที่กระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
การทำ Hifu เป็นการใช้คลื่นอันตร้าซาวด์ที่มีพลังงานสูงในการช่วยยกกระชับใบหน้า โดยการปล่อยคลื่นอัลต้ราซาวด์ลงไปยังเนื้อเยื่อผิวหนังชั้น SMAS (ผิวหนังชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงกระชับใบหน้า) ซึ่งสามารถปล่อยคลื่นให้โฟกัสเฉพาะจุดที่เราต้องการรักษาได้ เพื่อไปรักษาเนื้อเยื้อที่ไม่กระชับในบริเวณนั้นให้เกิดการเต่งตึงขึ้นจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เนื้อเยื้อในบริเวณนั้นเกิดการหดตัวและกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และผิวที่ดูละเอียดกว่า ในระว่างการรักษาจะไม่มีอาการเจ็บหรือแสบร้อนใดๆ ไม่มีการใช้เข็ม หรือยาชา ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกเหมือนทำทรีทเม้นหน้า และที่สำคัญหลังการรักษาจะไม่มีรอยแดง หรือช้ำ จากการักษา
หลังจากทำการรักษาเสร็จ ในบริเวณที่ทำการรักษาจะรู้สึกตึงขึ้นและดูอิ่มน้ำขึ้นเล็กน้อย แต่จะกลับสู่ภาวะปกติในระยะเวลา 2-3 วัน และยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องรอการพักฟื้น แต่ขอแนะนำให้บำรุงผิวและทาครีมกันแดดควบคู่กันไป เมื่อทำการรักษาเสร็จผู้เข้ารับการรักษาจะสังเกตุเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าได้ทันทีประมาณ 30 % และจะค่อยๆเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2-3 เดือน ในผลการรักษา 1 ครั้ง จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการยกกระชับใบหน้าในแต่ละวิธีจะเห็นได้เลยว่ามีขั้นตอนและเทคนิคที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงจุดเด่นและผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีความแต่กต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา แต่ถ้าใครที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัดหรือการใช้เข็ม ขอแนะนำให้เลือกวิธีการยกกระชับใบหน้าด้วยการทำ Hifu น่าจะตอบโจทย์ได้ที่สุดเลยค่ะ เพราะจะเห็นได้ว่าทุกวิธีการในระหว่างทำการรักษาหรือหลังรักษา ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องผ่านความเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น แต่จะมีอยู่ 1 วิธีที่จะสามารถทำให้เรามีใบหน้าที่กระชับอ่อนเยาว์ขึ้นได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดในการรักษา ทั้งยังไม่ต้องรอการพักฟื้นให้เสียเวลา สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังนั้นคิดว่าถ้าแนะนำให้เลือกการทำ Hifu น่าจะเป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆ สำหรับเพื่อนๆที่อยากสวยแบบไม่ต้องรอนาน และไม่อยากทนกับความเจ็บปวดในการรักษา หวังว่าการแนะนำวิธีการยกกระชับใบหน้าในครั้งนี้จะเป็นประโยนช์ และสามารถตอบโจทย์กับเพื่อนๆได้นะคะ