สารบัญ

ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) นับเป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเลือกฉีดได้หลายจุดตามที่ลูกค้าต้องการ ทั้งฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ปาก หรือจะฟิลเลอร์คางก็ทำได้ โดยการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นและยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในระยะยาว แต่สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ คงมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ทำไมบางคนฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เห็นผล ฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัยจริงไหม ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี วันนี้ Linna Clinic จะมาตอบทุกคำถามชวนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ที่ควรรู้เอาไว้ก่อนการตัดสินใจฉีด

5. บอกลาปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา ด้วย ‘HIFU’  ใครที่มีปัญหาถุงใต้ตา ลินนามีเทคนิคพิเศษ เป็นเทคนิคเฉพาะช่วยกระชับดวงตา ด้วยเครื่อง HIFU Ultra V รุ่นใหม่ล่าสุด บริเวณใต้ตา หัวพิเศษแบบ Single Shot ที่ออกแบบมาเฉพาะบริเวณผิวบอบบางใต้ตา ลดปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ที่โบท็อกซ์ไม่สามารถแก้ได้ เช่น แต่งหน้าแล้วรองพื้นตกร่องใต้ตา ที่สำคัญการทำ HIFU ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาทำแปปเดียว สำหรับสาวๆคนไหนที่ลองมาทุกวิธีแล้วไม่ทันใจ ขอแนะนำวิธีนี้เลยค่ะ รับรองว่าถูกใจ เหมือนกลับไปเป็นสาวได้ในพริบตา

ฟิลเลอร์คืออะไร

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มผิวประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ “HA” (เอชเอ) ใช้สำหรับฉีดเข้าไปในบริเวณต่างๆทั่วใบหน้า เพื่อช่วยเติมเต็มในส่วนที่เป็นร่องลึกหรือเติมเต็มริ้วรอย ให้ผิวกลับมาเต่งตึง กระชับ หน้าดูเด็กลง เห็นผลทันทีหลังฉีด 

ฟิลเลอร์อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงน้อยและไม่เป็นอันตรายค่ะ แต่ทั้งนี้เราต้องพิจารณาปัยจัยต่างๆก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ดังนี้ค่ะ

  1. มาตรฐานของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เราสามารถเช็คความน่าเชื่อถือจากยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่แต่ละคลีนิกเลือกใช้ได้เลยค่ะ โดยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทยและนิยมใช้กันเป็นประจำ ได้แก่ยี่ห้อ RESTYLANE, JUVEDERM, BELOTERO ค่ะ หากไปเจอว่าเป็นยี่ห้ออื่นที่ไม่ผ่านการรับรอง ไม่มีทั้งตรา อย. ไม่มีฉลากข้อมูลเป็นภาษาไทย ไม่มีเลข lot ผลิตติดอยู่บนกล่องหรือหลอด ให้สันนิษฐานได้เลยค่ะว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรืออาจเป็นซิลิโคนเหลวที่อันตรายต่อผิวมาก หากเผลอฉีดเข้าไป อาจทำให้ผิวเกิดก้อนแข็ง ฟิลเลอร์ไหล จนทำให้ใบหน้าเสียรูปได้เลยค่ะ
  2. ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ ราคาโดยปกติของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ที่ 10,000 – 20,000 บาท/CC. ค่ะ หากไปเจอฟิลเลอร์ราคาถูกหรือราคาแค่หลักพันต้นๆ แบบนี้ก็ให้สันนิษฐานไว้ได้เลยค่ะว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่มีมาตรฐาน
  3. ความมีมาตรฐานของคลีนิก การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง มีเทคนิคเฉพาะที่ดี ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานค่ะ การให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาฉีดฟิลเลอร์และใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นสิ่งที่อันตรายมากสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ค่ะ อาจเสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อ หรือหากฉีดลงไปผิดจุดก็มีโอกาสทำให้ตาบอดได้เลยค่ะ  

ฉีดฟิลเลอร์ที่จุดไหนได้บ้าง จุดไหนที่คนนิยมฉีด

สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้หลายตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับปัญหาที่คนไข้ต้องการให้ช่วยแก้ไขหรือปรับเพิ่มได้เลยค่ะ โดยจุดที่คนนิยมทำฟิลเลอร์กัน ได้แก่ ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ร่องตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ปาก และฟิลเลอร์คางค่ะ มีเหตุผลทั้งเพื่อความงาม ลดเลือนริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้าให้สมส่วนและการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมโหงวเฮ้งก็มีเช่นกันค่ะ

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยให้รอยย่นหรือร่องที่หน้าผากตื้นขึ้น ปรับให้ใบหน้าสวยละมุน ช่วยปรับโหงวเฮ้ง บริเวณหน้าผากใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-5 CC.
  • ฟิลเลอร์ขมับ คนไข้บางคนบริเวณขมับจะตอบ จนทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยปรับใบหน้าให้สวยสมส่วน โดยบริเวณขมับใช้ฟิลเลอร์ข้างละ 2-3 CC.
  • ฟิลเลอร์ร่องตา ปัญหากระดูกใต้ตายุบตัวและกล้ามเนื้อใต้ตาไม่กระชับเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดร่องลึกใต้ตาได้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเสริมให้ดวงตากลมโต ดูสดใสขึ้น หน้าดูเด็กลง บริเวณร่องตาใช้ฟิลเลอร์ข้างละ 1-2 CC.
  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ผิวที่หย่อนคล้อยเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เห็นริ้วรอยได้ชัดเจนโดยเฉพาะตรงส่วนร่องแก้มที่เป็นริ้วรอยแบบลึก ทำให้ดูแก่กว่าวัย เมื่อฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยเติมเต็มให้ใบหน้าดูสวย อิ่มฟู หน้าดูเด็กลงค่ะ บริเวณร่องแก้มใช้ฟิลเลอร์ข้างละ 1-3 CC.
  • ฟิลเลอร์ปาก ด้วยกระแสริมฝีปากอวบอิ่มที่เป็นที่นิยมมากในตอนนี้ คนไข้บางท่านจึงอยากเพิ่มความอวบอิ่มและความคมชัดของรูปปาก ทำให้ปากเป็นกระจับ ดูเซ็กซี่ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับบริเวณปากประมาณ 1-2 CC.
  • ฟิลเลอร์คาง ช่วยแก้ปัญหาคางบุ๋ม เสริมคางให้ดูยาวขึ้น ปรับหน้าให้เรียวสมส่วน มีความวีเชฟมากขึ้น บริเวณคางใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC.

รีวิวการฉีดฟิลเลอร์ที่ LINNA CLINIC

ฟิลเลอร์กับซิลิโคนเหลวต่างกันยังไง

หลายๆคนอาจเข้าใจว่า ฟิลเลอร์ กับ ซิลิโคนเหลว คือตัวเดียวกัน แต่เป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ ก่อนอื่นต้องเคลียร์ให้เข้าใจตรงกันก่อนค่ะว่า ฟิลเลอร์และซิลิโคนเหลวเป็นสารเติมเต็มผิวคนละชนิดกัน โดยเราสามารถแบ่งประเภทของสารเติมเต็มผิวได้ 3 ชนิด ดังนี้ค่ะ

  • สารเติมเต็มแบบชั่วคราว (Temporary Filler) เป็นสารที่ผลิตจากธรรมชาติ ตัวที่นิยมฉีดกันมากๆ คือ สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ค่ะ เมื่อฉีดไปแล้วจะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ข้อดีของสารกลุ่มนี้คือ มีความปลอดภัยสูง เกิดอาการแพ้ได้น้อยและสามารสลายตัวได้เองตามธรรมชาติค่ะ
  • สารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เป็นสารเติมเต็มที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้เข้ากับเนื้อเยื่อในชั้นผิวของเราค่ะ ข้อดีคือเมื่อฉีดแล้วจะอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว โดยอยู่ได้นานถึง 24 เดือนเลยค่ะ และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ตัวที่นิยมฉีดกัน คือ สารโพลีอัลคิลลิไมด์ (Polyakylimide) และสาร PMMA (Polymethyl-methacrylate)
  • สารเติมเต็มแบบถาวร (Permanent Filler) ซึ่งก็คือ ซิลิโคนเหลว หรือน้ำมันพาราฟินค่ะ สารเติมเต็มประเภทนี้เมื่อฉีดไปแล้วจะได้ผลลัพธ์แบบถาวรและไม่สามารถสลายได้เองค่ะ โดยในปัจจุบันคลีนิกต่างๆที่มีมาตรฐานจะไม่นิยมนำมาฉีดให้คนไข้ เพราะซิลิโคนเหลวไม่ปลอดภัยต่อผิว เมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่งซิลิโคนเหลวจะทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิวในร่างกายและเริ่มจับตัวเป็นก้อนแข็ง ทำให้ผิวหน้าดูแข็งตึง ผิดรูป เกิดปัญหาฟิลเลอร์ไหลย้อนไปยังจุดอื่นๆบนใบหน้า จนทำให้ใบหน้าเสียรูป อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงมากๆที่จะทำให้เกิดอาการอักเสบ บวมแดงและติดเชื้ออีกด้วยค่ะ ซึ่งตัวซิลิโคนเหลวหรือน้ำมันพาราฟิน เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้วจะไม่สามารถสลายตัวได้ จำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อขูดออกเท่านั้น

ดูฟิลเลอร์แท้อย่างไร

เพราะการฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ความต้องการฟิลเลอร์จึงสูงตามไปด้วย ทำให้มีฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานถูกผลิตออกมาและแฝงตัวอยู่ในตลาดความงาม สิ่งที่น่ากลัวคือในสมัยนี้ของปลอมทำได้เนียนมากจนแยกแทบจะไม่ออกเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ยังมีจุดสังเกตที่เราสามารถแยกได้ชัดๆระหว่างฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอม ดังนี้ค่ะ

  • ฟิลเลอร์แท้ที่ใช้ได้ในคลีนิกในประเทศไทย จะต้องเป็นยี่ห้อที่ได้รับมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. ของไทย และต้องมีเลขทะเบียน อย. อยู่บนกล่อง ซึ่งที่นิยมใช้กันทั่วไปได้แก่ยี่ห้อ RESTYLANE, JUVEDERM และ BELOTERO ค่ะ
  • มีเอกสารและรายละเอียดกำกับภาษาไทยอย่างครบถ้วน
  • มีเลขที่ Lot การผลิตบนกล่อง ซองหรือบนหลอดตรงกัน
  • ตรวจดูราคาค่ะ หากราคาถูกเกินไป แบบนี้ให้สงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้

ฟิลเลอร์อยู่ได้นานไหม

ในปัจจุบันฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐาน อย. สามารถเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้นาน 1-2 ปีค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ดำเนินหัตถการ การดูแลผิวหลังฉีดของคนไข้และยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ค่ะ

  • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane ที่ Linna clinic เลือกใช้ เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก มีสารใกล้เคียงกับสารไฮยาลูรอนิคแอซิดในร่างกาย ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. จากทั้งประเทศสวีเดนและประเทศไทย
  • ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis เป็นฟิลเลอร์อีกยี่ห้อที่ Linna Clinic เลือกใช้ค่ะ ฟิลเลอร์ตัวนี้เป็นของประเทศเกาหลี ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. จากทั้งประเทศเกาหลีและประเทศไทยเช่นเดียวกันค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์มา แต่เป็นก้อนเป็นลำ ทำยังไงดี

กรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาสักระยะหนึ่งแล้วพบว่ามีอาการอักเสบ บวมแดง เมื่อจับแล้วรู้สึกผิวแข็งเป็นก้อน เป็นลำ หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปตอนแรกเป็นฟิลเลอร์แท้ แบบนี้สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ค่ะ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีดสาร Hyaluronidase เข้าไปตามจุดต่างๆที่ต้องการแก้ไข เพื่อทำการสลายฟิลเลอร์เดิมที่มีอยู่ออกไปจนหมด หากคนไข้ต้องการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใหม่ก็สามารถฉีดเพิ่มได้เลยค่ะ

แต่หากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปในตอนแรกเป็นซิลิโคนเหลว หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม จะไม่สามารถใช้วิธีฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ค่ะ แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดและขูดฟิลเลอร์ออกเท่านั้น ดังนั้นก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้งเราจึงควรศึกษารายละเอียดต่างๆให้ถี่ถ้วน เลือกฉีดกับคลีนิกที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองค่ะ 

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง

  • 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบ เช่น Ibruprofen, Ponstan, Naproxen เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังการฉีดฟิลเลอร์
  • 1 สัปดาห์ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาหรือสารสกัดที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น น้ำมันปลา กระเทียม วิตามินอี สารสกัดโสม ใบแปะก๊วย รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน
  • 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือผลัดเซลล์ผิว เช่น Retin-A, Retinoid, AHA, BHA และงดการขัดผิว แว็กซ์ขนหรือโกนขนในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่องป้องกันอาการระคายเคืองหลังการฉีดฟิลเลอร์
  • หากมีโรคประจำตัวและมียาที่ต้องทานอยู่เป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบทุกครั้ง
  • หากมีประวัติแพ้ยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบก่อนทุกครั้งค่ะ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ในบางตำแหน่งจำเป็นต้องฉีดยาชาร่วมด้วย
  • หากมีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิก หรือเป็นผู้ที่ประสบปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก และกลุ่มคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อนจะดีกว่าค่ะ

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง

  • ไม่แคะ แกะ เกาหรือนวดในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มาและควรกินยาตามที่แพทย์จ่ายมาอย่างต่อเนื่องจนหมด โดยอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน หากผ่านไปหลายวันแล้วอาการบวมแดงยังไม่หายไป ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการโดยละเอียดอีกครั้งค่ะ
  • ควรประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 20-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรงๆ หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลานาน ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ควรดื่มน้ำเยอะๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือปริมาณ 1.5 – 2 ลิตร
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศร้อนเป็นเวลานาน เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ เช่น ยืนตากแดด อบซาวน่า การทานอาหารปิ้งย่างหรือการทำอาหารที่ต้องยืนหน้าเตาร้อนๆเป็นเวลานาน รวมถึงกิจกรรมที่กระตุ้นการสูบฉีดของเลือดจนทำให้หน้าแดง เช่น การวิ่ง หรือการออกกำลังกายหนักๆ
  • งดการทำเลเซอร์บนใบหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการนวดใบหน้าด้วยมือหรือเครื่องนวดหน้า รวมถึงไม่ควรขยับผิวหน้าในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์มาบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้ค่ะ
  • งดอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เช่น อาหารหมักดอง อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมไปจนถึงควรงดสูบบุหรี่ด้วยค่ะ

หลังฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว เปลี่ยนยี่ห้อที่ฉีดได้ไหม

หลังจากที่ฟิลเลอร์ตัวเก่าสลายหมดไปแล้ว สามารถเปลี่ยนยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อเดิม แต่ทั้งนี้ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ว่าควรเลือกใช้ยี่ห้อใด รุ่นไหน เพราะฟิลเลอร์แต่ละตัวจะมีขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกันออกไป บางตัวเหมาะกับริ้วรอยลึกๆ บางตัวเหมาะกับรอยย่นเล็กๆหรือบริเวณที่มีความละเอียดสูง เช่น บริเวณร่องตา

หากใครที่สนใจการฉีดฟิลเลอร์ แต่ยังไม่มั่นใจว่าการฉีดฟิลเลอร์จะสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้ไหม หรือควรเลือกฉีดที่จุดไหนบ้างจึงจะช่วยให้ใบหน้าได้รูป ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์ที่ Linna Clinic หรือแอดไลน์เข้ามาเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองคิวการรักษาได้เลยค่ะ Linna Clinic เราพร้อมรังสรรค์ความงามให้ทุกท่านด้วยมาตรฐานระดับสากล ดูแลทุกเคสด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คุณมั่นใจได้ในทุกผลลัพธ์

บทความที่เกี่ยวข้อง

error: Content is protected !!
Scroll to Top