พื้นฐานของ Radiofrequency (RF) Treatment

คลื่นความถี่วิทยุ (RF) คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 100 kHz ถึง 300 GHz คลื่น RF ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายสาขา รวมถึงการแพทย์ อุตสาหกรรม และการสื่อสาร

ในการแพทย์ คลื่น RF ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การผ่าตัด การรักษาโรค และการตรวจวินิจฉัย การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) เป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมในวงการความงาม ใช้ในการยกกระชับผิว กำจัดริ้วรอย และลดไขมันส่วนเกิน

การรักษาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) ทำงานโดยการส่งพลังงานคลื่น RF ไปยังผิวหนัง พลังงานคลื่น RF จะทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนัง ความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และไขมันส่วนเกินลดลง

Table of Contents

ประโยชน์ของการรักษาด้วย RF มีหลายประการ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการผ่าตัด: การรักษาด้วย RF สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แต่ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ หรือยานอนหลับ
  • แผลเล็ก: หลังการรักษาจะมีเพียงแผลขนาดเล็ก ๆ หรืออาจไม่เห็นรอยแผลเป็นเลยในอนาคต
  • พักฟื้นเร็ว: ผู้ป่วยอาจพักในโรงพยาบาลเพียง 1 – 2 วัน และกลับไปทำกิจกรรมหรือทำงานได้ตามปกติภายในเวลาอันรวดเร็ว
  • ลดความเสี่ยง: การรักษาด้วย RF ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ เลือดออก และภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
  • ราคาประหยัด: การรักษาด้วย RF อาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการผ่าตัด

การใช้ RF ในการลดริ้วรอยและเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวหนัง

การใช้ RF ในการลดริ้วรอยและเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวหนัง เป็นวิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น รูขุมขนเล็กลง และผิวเรียบเนียนขึ้น

หลักการทำงานของ RF คือ คลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการเสียดสีของโมเลกุลน้ำใต้ผิวหนัง ทำให้อุณหภูมิใต้ผิวหนังสูงขึ้น ส่งผลให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินเกิดการหดตัวและจัดเรียงตัวใหม่ ส่งผลให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น รูขุมขนเล็กลง และผิวเรียบเนียนขึ้น

RF สามารถใช้รักษาริ้วรอยได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า ลำคอ หน้าอก แขน ขา เป็นต้น โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30-60 นาทีต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษา จำนวนครั้งที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิว โดยอาจต้องทำซ้ำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 5-6 ครั้ง

ผลข้างเคียงของการใช้ RF มักไม่รุนแรงและหายได้เอง เช่น รอยแดง บวมเล็กน้อย ระคายเคืองผิว อาจพบอาการช้ำได้บ้างในบางราย

ข้อดีของการใช้ RF ในการลดริ้วรอยและเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวหนัง

  • เป็นวิธีการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง
  • ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
  • เห็นผลได้ชัดเจน

ข้อเสียของการใช้ RF ในการลดริ้วรอยและเปลี่ยนแปลงลักษณะผิวหนัง

  • อาจได้ผลไม่เต็มที่ในผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่รุนแรง
  • อาจต้องใช้เวลาหลายครั้งในการรักษาจึงจะเห็นผลชัดเจน

การเตรียมตัวก่อนการรักษาด้วย RF

การเตรียมตัวก่อนการรักษาด้วย RF โดยทั่วไปจะรวมถึงสิ่งต่อไปนี้:

  • งดอาหารและน้ำ ล่วงหน้าประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพาะอาหารบีบตัวและทำให้แพทย์เจาะเข้าที่ก้อนเนื้องอกได้ยากขึ้น
  • สวมเสื้อผ้าที่หลวมสบาย เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
  • จัดเตรียมเอกสารทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น ประวัติการรักษา ผลการตรวจเลือด ผลตรวจเอกซเรย์ เป็นต้น
  • แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ทั้งหมด รวมถึงประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทานอยู่

สำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับการดมยาสลบ แพทย์อาจแนะนำให้งดอาหารและน้ำล่วงหน้านานขึ้น ประมาณ 6-8 ชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับการทำงานของตับ ไต และค่าการแข็งตัวของเลือด

ผลข้างเคียงของ RF Treatment

RF Treatment หรือการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ เป็นการรักษาความงามที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียน ริ้วรอยลดลง รูขุมขนเล็กลง และสามารถช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้อีกด้วย

โดยปกติแล้ว RF Treatment ถือว่าเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อาจพบผลข้างเคียงได้บ้าง เช่น

  • อาการผิวแดง บวม และปวดเล็กน้อย มักเกิดขึ้นหลังทำทันที และสามารถหายได้เองภายใน 1-3 วัน
  • อาการผิวไหม้ มักเกิดขึ้นจากการตั้งค่าพลังงาน RF มากเกินไป หรือใช้เครื่อง RF ที่ไม่ได้มาตรฐาน สามารถป้องกันได้ด้วยการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทำหัตถการ
  • อาการอื่นๆ เช่น รอยช้ำ รอยแผลเป็น อาการแพ้ การติดเชื้อ เป็นต้น มักพบได้น้อยมาก

ความแตกต่างระหว่าง RF Treatment และ Laser Treatment

RF Treatment และ Laser Treatment เป็นการรักษาความงามที่ใช้พลังงานเพื่อปรับปรุงสภาพผิว อย่างไรก็ตามทั้งสองประเภทมีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ

หลักการทำงาน

  • RF Treatment ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (radio frequency) เพื่อสร้างความร้อนในชั้นผิว ความร้อนนี้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และทำให้ผิวกระชับขึ้น
  • Laser Treatment ใช้พลังงานแสงเลเซอร์ แสงเลเซอร์จะดูดซับโดยเม็ดสีในผิวและเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน พลังงานความร้อนนี้ทำลายเม็ดสีหรือเนื้อเยื่อเป้าหมาย

ผลลัพธ์

  • RF Treatment มักใช้เพื่อปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม เช่น ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น รูขุมขนกว้าง และผิวหย่อนคล้อย
  • Laser Treatment มักใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสัก และเส้นเลือดฝอย

ระยะเวลาพักฟื้น

  • RF Treatment มักมีระยะเวลาพักฟื้นสั้น ผู้ป่วยอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติภายในไม่กี่วัน
  • Laser Treatment อาจมีระยะเวลาพักฟื้นนานกว่า ผู้ป่วยอาจมีอาการบวมแดง ลอก หรือแสบร้อน ระยะเวลาพักฟื้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์และบริเวณที่ทำการรักษา

ค่าใช้จ่าย

  • RF Treatment มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า Laser Treatment โดยทั่วไป

ความปลอดภัย

  • RF Treatment และ Laser Treatment โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย อย่างไรก็ตาม อาจมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการแพ้ การติดเชื้อ และรอยแผลเป็น สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษา

ดังนั้นการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ (RF) จึงเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยในการทำให้ผิวดูดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถทำให้ผิวกระชับ เรียบเนียนขึ้น และมีริ้วรอยน้อยลง การรักษานี้ทำได้รวดเร็ว และสามารถกลับมาทำกิจกรรมตามปกติได้ในเวลาไม่นาน ไม่เจ็บมากนัก และผลข้างเคียง เช่น รอยแดงหรือบวม มีเพียงเล็กน้อยและมักหายไปอย่างรวดเร็ว การรักษาด้วย RF เป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวของตนเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top