เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนเพศชายที่มีบทบาทสำคัญต่อลักษณะความเป็นชาย รวมถึงภาวะสุขภาพร่างกายอีกหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังงานในแต่ละวัน มวลกล้ามเนื้อและกระดูก ความทรงจำ รวมถึงการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก แต่เมื่ออายุมากขึ้นประกอบกับปัจจัยบางอย่าง ระดับฮอร์โมนอาจลดลงจนเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การบำบัดทดแทนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือ Testosterone Replacement Therapy (TRT) จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางฟื้นฟูสุขภาพทางการแพทย์ที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายและเสริมความมั่นใจให้คุณผู้ชายกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง บทความนี้จาก LINNA Clinic จะพามาทำความเข้าใจอย่างละเอียด TRT คืออะไร? เหมาะกับใครบ้าง ประโยชน์และความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ TRT พร้อมแนวทางการเตรียมตัวก่อน-หลังเข้ารับการบำบัดอย่างเหมาะสม
Table of Contents
Testosterone คืออะไร
Testosterone หรือ เทสโทสเตอโรน คือฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตจากอัณฑะ (Testis) มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดลักษณะทางเพศชาย เช่น เสียงแหบทุ้ม การมีลูกกระเดือก ไหล่กว้าง ขนตามร่างกาย การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรง นอกจากนี้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมความต้องการทางเพศ (libido) การผลิตอสุจิ ระดับพลังงานในชีวิตประจำวัน รวมถึงการทำงานของสมองและอารมณ์ แต่เมื่ออายุมากขึ้นประกอบกับปัจจัยเสื่อมอื่นๆ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ การบาดเจ็บหรือการผ่าตัด พฤติกรรมการใช้ชีวิต และภาวะน้ำหนักตัวเกิน อาจส่งผลให้ฮอร์โมน Testosterone ค่อยๆ ลดต่ำลง โดยทั่วไปจะลดลงโดยเฉลี่ยปีละ 1% ในช่วงอายุ 30 หรือ 40 ปี และมีข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไปอาจเผชิญภาวะขาดเทสโทสเตอโรน (Hypogonadism) ได้สูงถึง 38.7% (Mulligan et al., 2006)

Testosterone Replacement Therapy คืออะไร
Testosterone Replacement Therapy หรือ TRT คือการบำบัดด้วยฮอร์โมน (Hormone Therapy) รูปแบบหนึ่ง เพื่อช่วยทดแทนฮอร์โมนเพศชายที่ร่างกายผลิตได้น้อยกว่าปกติ โดยสามารถบำบัดทดแทนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้หลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ การฝังแคปซูลใต้ผิวหนัง แผ่นแปะ เจล หรือยารับประทาน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อปรับระดับฮอร์โมนเพศชายให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและลดอาการผิดปกติที่เกิดจากภาวะขาด Testosterone
ภาวะที่ขาด Testosterone เป็นอย่างไร
การขาด Testosterone หรือภาวะ Hypogonadism อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
- ความต้องการทางเพศลดลง สมรรถภาพทางเพศถดถอย อวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่
- ภาวะมีบุตรยาก ปริมาณน้ำอสุจิน้อยลง
- อ่อนเพลียง่าย ไม่กระฉับกระเฉง รู้สึกว่าพลังงานน้อยลงกว่าที่เคย
- มวลกล้ามเนื้อในร่างกายลดลง ไขมันสะสมมากขึ้น รอบเอวขยายใหญ่หรือมีภาวะอ้วนลงพุง
- กระดูกบาง หรือความหนาแน่นของกระดูกลดลง
- ในบางรายอาจมีปัญหาเส้นขนตามร่างกายหลุดร่วงมากกว่าปกติ
- อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า รู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง
- สมาธิสั้น มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ นอนไม่ค่อยหลับหรือหลับไม่สนิท
หากปล่อยให้ระดับฮอร์โมน Testosterone ในร่างกายอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน โดยไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวและคุณภาพชีวิตโดยรวม
Testosterone Replacement Therapy ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
การทดแทนฮอร์โมนเพศชาย หรือ TRT มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายของผู้เข้ารับบำบัดให้ดีขึ้นได้ ดังนี้
- ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ และกระตุ้นความต้องการทางเพศ (libido)
- ช่วยเพิ่มพลังงาน ลดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียระหว่างวัน
- เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย
- ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
- ปรับอารมณ์ ลดภาวะซึมเศร้า และช่วยเพิ่มสมาธิ
- ช่วยเสริมความหนาแน่นของมวลกระดูก ช่วยลดความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุนก่อนวัยอันควร
ใครที่เหมาะกับ Testosterone Replacement Therapy?
TRT เหมาะสำหรับผู้ชายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าระดับ Testosterone ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน และมีอาการบ่งชี้ที่กระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น สมรรถภาพทางเพศลดลง มวลกล้ามเนื้อน้อย ภาวะกระดูกบาง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย สมาธิสั้น มีปัญหาด้านความทรงจำ อารมณ์แปรปรวนและซึมเศร้า
อย่างไรก็ตามการทำ TRT ไม่เหมาะสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมีก้อนที่ต่อมลูกหมากซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจประเมิน มะเร็งเต้านมในผู้ชาย (Male breast cancer) หรือผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการควรตรวจเลือดและตรวจสุขภาพอย่างละเอียดภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจร่วมกันว่าสามารถทำ TRT ได้หรือไม่
สามารถเริ่มทำ Testosterone Replacement Therapy ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่
โดยทั่วไปการเริ่มทำ TRT ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนและความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น ผู้ชายบางคนอาจมีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำตั้งแต่อายุ 30 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือโรคที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ส่วนใหญ่จะพบเมื่ออายุ 40-50 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเข้ารับการบำบัดฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์และตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจทำ TRT
Testosterone Replacement Therapy มีผลข้างเคียงไหม
การทำ TRT อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้บางประการ เช่น
- ปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวมัน สิว และอาการระคายเคือง
- ภาวะบวมน้ำเนื่องจากการคั่งของของเหลวในร่างกาย
- อาจส่งผลให้อาการนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) รุนแรงขึ้น
- ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงสูง (Polycythemia) มีภาวะเลือดข้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดและโรคหัวใจในบางกรณี ซึ่งยังต้องการผลงานวิจัยระยะยาวเพื่อยืนยันเพิ่มเติม
- ต่อมลูกหมากโตเร็วขึ้น หรืออาการของโรคต่อมลูกหมากมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
- อาจทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดฉุนเฉียวง่าย
ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังการทำ TRT อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากสังเกตพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
Testosterone Replacement Therapy ปลอดภัยไหม
โดยทั่วไปการทำ TRT ถือว่ามีความปลอดภัย หากอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน ประเมินความพร้อมของสุขภาพร่างกายและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าการบำบัดให้ผลลัพธ์ไปในทางที่ดี รวมถึงอาจมีการปรับแผนการบำบัดตามความเหมาะสมในแต่ละเคส ดังนั้น เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย จึงควรเข้ารับบริการกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
ต้องตรวจเลือดก่อนทำ Testosterone Replacement Therapy ไหม
โดยทั่วไปการทำ TRT ถือว่ามีความปลอดภัย หากอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน ประเมินความพร้อมของสุขภาพร่างกายและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าการบำบัดให้ผลลัพธ์ไปในทางที่ดี รวมถึงอาจมีการปรับแผนการบำบัดตามความเหมาะสมในแต่ละเคส ดังนั้น เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย จึงควรเข้ารับบริการกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนทำ Testosterone Replacement Therapy
- ปรึกษาแพทย์ แจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ ประวัติการแพ้ยาหรือสารต่างๆ เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับการบำบัด
- ตรวจเลือดและตรวจสุขภาพโดยละเอียด เพื่อวัดระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและภาวะความพร้อมของร่างกาย
- นอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง และดื่มน้ำมากๆ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
- หากมีภาวะน้ำหนักตัวเกิน ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อนเข้ารับการบำบัด
การดูแลตัวเองหลังทำ Testosterone Replacement Therapy
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เช่น เพิ่มตารางออกกำลังกาย ขยับร่างกายให้มากขึ้น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมากๆ และนอนหลับให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการลดประสิทธิภาพของ TRT
- ไม่ใช้ฮอร์โมนหรือผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนที่ไม่เหมาะสม
- พบแพทย์ตามกำหนดนัด เพื่อติดตามผลสุขภาพและตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม มีผื่นคัน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก อารมณ์แปรปรวน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ควรรีบพบแพทย์
สรุป
Testosterone Replacement Therapy (TRT) เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศต่ำ ช่วยเพิ่มพลังงาน เสริมมวลกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ และยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การทำ TRT ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ มีการตรวจเลือดและติดตามผลทั้งก่อน-หลังการบำบัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย หากคุณสังเกตอาการผิดปกติ หรือไม่แน่ใจว่าตนเองอาจกำลังเผชิญปัญหาภาวะขาด Testosterone หรือไม่ สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อรับคำปรึกษา และประเมินร่างกายอย่างละเอียดเพื่อวางแผนฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ด้วยการดูแลจากแพทย์ผู้ชำนาญการ ประสบการณ์สูงจากเวชศาสตร์ชะลอวัย American Board of Anti-Aging ของ LINNA Clinic ได้ที่เบอร์ 063-609-8888, Whatsapp +66 919799554 หรือ LINE: @linnaclinic ได้เลยค่ะ
References
- Prevalence of Hypogonadism in Males Aged at Least 45 Years: the HIM Study (2006) เข้าถึงได้จาก https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/16846397/