ผลข้างเคียงของผู้ที่เคยฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA (Pfizer, Moderna) และแนวทางการฟื้นฟูสุขภาพ

วัคซีนโควิดชนิด mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงวิกฤตการณ์ระบาดใหญ่ เพื่อใช้ลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยจากข้อมูลในปัจจุบันพบว่ามีจำนวนการฉีดวัคซีน mRNA สะสมแล้วนับพันล้านโดสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป มีเสียงสะท้อนจากผู้ที่เคยฉีดวัคซีนบางรายถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในระยะยาว ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2023 รัฐเทกซัสได้ยื่นฟ้องบริษัท Pfizer ฐานโฆษณาหลอกลวง และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด (1) อันเป็นการละเมิดกฎหมาย Deceptive Trade Practices Act (DTPA) โดยระบุว่า Pfizer โฆษณาประสิทธิภาพวัคซีนเกินจริง และอาจมีการปกปิดความเสี่ยงบางประการที่อาจเกิดขึ้น โดยคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้อง และยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุด ณ ปีปัจจุบัน

บทความนี้จาก LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) มีข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน mRNA คืออะไร มียี่ห้อไหนบ้าง? ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี พร้อมสำรวจแนวทางการดูแลฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดวัคซีนโควิดอย่างเหมาะสมและปลอดภัย

Table of Contents

วัคซีน mRNA คืออะไร? มียี่ห้อไหนบ้าง

วัคซีน mRNA (messenger Ribonucleic Acid) คือวัคซีนรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช้เชื้อไวรัสทั้งตัวและไม่ทำให้เกิดการติดเชื้อจริง แต่เป็นการใช้สารพันธุกรรมชนิด mRNA เพื่อออกคำสั่งให้เซลล์ของร่างกายสร้างโปรตีนบางส่วนของไวรัสขึ้นมาเอง ในกรณีของวัคซีนโควิด-19 จะใช้ mRNA ที่จำลองรหัสพันธุกรรมเฉพาะส่วนของโปรตีนหนาม (Spike Protein) ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญบนผิวของไวรัส เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายเซลล์จะผลิตโปรตีนหนามที่ไม่เป็นอันตรายขึ้นมาชั่วคราวเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันเรียนรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จากนั้นจึงกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี (Antibody) รวมถึงเพิ่มการทำงานของ T-cell ให้พร้อมต่อสู้กับไวรัสเมื่อเกิดการติดเชื้อจริงในอนาคต   

โดยในปัจจุบันมีวัคซีน mRNA ที่ได้รับการอนุมัติ และใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย จำนวน 2 ยี่ห้อ ได้แก่

  • วัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ผลิตโดยบริษัท BioNTech/Pfizer ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอาการโดยรวม ร้อยละ 95 (หลังจากได้รับครบ 2 เข็ม)
  • วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) ผลิตโดยบริษัท Moderna ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอาการโดยรวม ร้อยละ 94.1 (หลังจากได้รับครบ 2 เข็ม)

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังฉีดวัคซีน mRNA

หลังฉีดวัคซีนโควิด วัคซีน mRNA อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางประการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นชั่วคราว และหายได้เองภายใน 2-3 วันหลังฉีด โดยมีอาการทั่วไปที่สามารถพบได้บ่อย เช่น

  • ปวด บวม หรือมีรอยแดงบริเวณที่ฉีด
  • มีไข้ต่ำถึงปานกลาง รู้สึกหนาวสั่น หรือครั่นเนื้อครั่นตัว
  • ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อ

วัคซีน mRNA กับผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตราย

แม้ว่าวัคซีนโควิด-19 จะมีบทบาทสำคัญในการลดอัตราการป่วยหนักรวมถึงการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่พบได้ไม่บ่อยนักแต่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีน mRNA ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

  • ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis) อ้างอิงจากข้อมูลการเคลมประกันสุขภาพในสหรัฐอเมริกา ปี 2023–2024 (2) พบอัตราการเกิดประมาณ 8 รายต่อวัคซีน 1 ล้านโดสในกลุ่มประชาชนอายุ 6 เดือนถึง 64 ปี และพบอัตราที่สูงขึ้นในกลุ่มผู้ชายอายุ 16-25 ปี ภายใน 7 วันหลังได้รับวัคซีน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 38 รายต่อ 1 ล้านโดส ภายหลังข้อมูลนี้ FDA ได้มีคำสั่งให้บริษัท Pfizer/BioNTech และ Moderna ขยายข้อความคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการนำเสนอข้อมูลความเสี่ยงต่อสาธารณะ
  • อาการแพ้รุนแรงหลังฉีดวัคซีน (Anaphylaxis) พบอัตราการเกิดอยู่ที่ประมาณ 11 รายต่อวัคซีน 1 ล้านโดส (3) โดยอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติภายใน 15-30 นาทีหลังฉีด ได้แก่ ลมพิษ มีผื่นคันทั่วตัว หายใจลำบากหรือหายใจมีเสียงหวีด รู้สึกแน่นหน้าอก ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอบวม ชีพจรเต้นเร็วผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งสามารถรักษาด้วยการให้ epinephrine และการรักษาตามมาตรฐานเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม รายงานจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าวัคซีนโควิด-19 วัคซีน mRNA ยังคงมีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการเสียชีวิตเมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่พบได้น้อย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พร้อมเฝ้าสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิดหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 

แนวทางการฟื้นฟูสุขภาพหลังฉีดวัคซีนโควิด วัคซีน mRNA

ภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือวัคซีน mRNA ควรหมั่นสังเกตร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการใช้แนวทางการฟื้นฟูสุขภาพหลังฉีดวัคซีนโควิดเหล่านี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ โดยควรนอนหลับให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูตนเองได้อย่างเต็มที่
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่ช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย เช่น ผักผลไม้สด ปลา ไขมันดี และลดน้ำตาล/อาหารแปรรูป
  • ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพ เช่น เดินช้า โยคะ หรือยืดกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียน
  • ปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย หรือสมองเบลอ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียด และเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสม
  • ตรวจเช็กระดับ Spike Protein Antibody Level เพื่อประเมินว่าร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่หรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยติดเชื้อหรือฉีดวัคซีนมาแล้วหลายเดือน เพื่อลดความเสี่ยงจากการมี Spike Protein หลงเหลืออยู่ในร่างกายซึ่งอาจส่งผลให้เซลล์บุผนังหลอดเลือดเสียหาย เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ รวมถึงภาวะ Long Covid
  • การฟื้นฟูร่างกายด้วยแนวทางทางการแพทย์ เช่น การเสริมวิตามินสูตรเฉพาะตามสภาพร่างกาย, การทำ IV Therapy เพื่อเติมสารอาหารสำคัญเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดความอ่อนล้า และต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการทำ EBOO Therapy (Extracorporeal Blood Oxygenation and Ozonation) ซึ่งเป็นกระบวนการกรองเลือดและล้างสารพิษตกค้าง ด้วยการนำเลือดออกจากร่างกายเพื่อทำความสะอาดผ่านไส้กรองปลอดเชื้อ จากนั้นจึงเติมโอโซนความเข้มข้นต่ำให้เลือดแล้วนำกลับเข้าสู่ร่างกายอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ในระบบไหลเวียนร่างกายจะได้ประโยชน์ทั้งจากโอโซนและออกซิเจนในระบบไหลเวียน ช่วยลดภาวะอักเสบเรื้อรัง ส่งเสริมความสมดุลให้กับระบบหลอดเลือด เหมาะกับผู้ที่มีอาการอ่อนล้าหรือรู้สึกว่าร่างกายไม่เหมือนเดิมหลังฉีดวัคซีนโควิด อย่างไรก็ตามแนวทางการฟื้นฟูเหล่านี้เป็นเพียงทางเลือกเพื่อช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภายในร่างกาย ไม่ใช่วิธีรักษาหรือป้องกันโรคได้โดยตรง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

สรุป

แม้ว่าวัคซีน mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna จะมีบทบาทสำคัญในการลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 แต่ยังมีรายงานผลข้างเคียงบางประการที่ควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในผู้ที่รู้สึกว่าร่างกายไม่เหมือนเดิมหลังฉีดวัคซีน เช่น อาการอ่อนล้า ภูมิตก หรือระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ หากคุณกำลังเผชิญอาการเหล่านี้ LINNA Clinic มีแนวทางฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวม เช่น IV Therapy, การตรวจ Spike Protein Antibody Level และ EBOO Therapy ช่วยขจัดสารพิษ เสริมภูมิคุ้มกัน และปรับสมดุลระบบเลือดอย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลอาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการบำบัดร่างกาย มาเป็นเวลายาวนานกว่า 14 ปี นัดจองคิวเพื่อรับคำปรึกษา และวางแผนฟื้นฟูสุขภาพอย่างละเอียดเฉพาะรายบุคคลได้ที่เบอร์ 063-609-8888 หรือทางไลน์ @linnaclinic ได้เลยค่ะ 

Reference

  1. FDA warns of heart inflammation risk tied to COVID-19 vaccines in new review. CNN Health. 21 พฤษภาคม เข้าถึงได้จาก: https://edition.cnn.com/2025/05/21/health/fda-covid-vaccine-warning-heart-inflammation
  2. Pfizer vaccine petition filed. (2024). DocumentCloud. เข้าถึงได้จาก: https://www.documentcloud.org/documents/24179320-pfizer-vaccine-petition-filed
  3. (2021). Allergic Reactions Including Anaphylaxis After Receipt of the First Dose of Pfizer-BioNTech COVID-19 Vaccine — United States, December 14–23, 2020. MMWR Morb Mortal Wkly Rep, 70(2), 46–51. เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/mmwr/volumes/70/wr/mm7002e1.htm

บทความที่เกี่ยวข้อง

购物车
滚动至顶部