ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ แต่จากประสบการณ์ของ LINNA Clinic ซึ่งให้บริการด้านสุขภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Health & Wellness) พบว่ามีผู้เข้ารับบริการจำนวนไม่น้อยที่แม้จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่ค่าเลือดมีความผิดปกติ และตรวจพบโลหะหนักปนเปื้อนในร่างกาย
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าในแต่ละวันร่างกายของเราอาจได้รับโลหะหนักปนเปื้อนแบบไม่ทันรู้ตัว ไม่ว่าจะมาจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน หรือแม้แต่อาหารอย่างผักและผลไม้ ที่แม้จะดูเฮลตี้มากแค่ไหนก็อาจแฝงภัยเงียบอย่าง “โลหะหนัก” ซึ่งสามารถสะสมในร่างกายและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเรื้อรังที่ฉุดรั้งคุณภาพชีวิตให้ลดลง บทความนี้จาก LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) จะพาคุณไขความจริง ทำไม “กินผัก” อาจเสี่ยง “ตายไว”? ผักที่เรากินทุกวันมีโลหะหนักปนเปื้อนจริงไหม? และมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงจากโลหะหนักที่คนรักสุขภาพไม่ควรมองข้าม

Table of Contents
โลหะหนักที่สามารถพบได้ในผัก มีอะไรบ้าง
แม้ผักจะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ในบางกรณี ผักบางชนิดที่ปลูกในดินหรือน้ำที่ปนเปื้อน รวมถึงการใช้สารเคมีของเกษตรกร อาจมีโลหะหนักตกค้างอยู่ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยโลหะหนักที่มักตรวจพบในผัก ได้แก่
- ตะกั่ว (Lead)
- แคดเมียม (Cadmium)
- ปรอท (Mercury)
- อะลูมิเนียม (Aluminum)
- สารหนู (Arsenic)
- โครเมียม (Chromium)
- นิกเกิล (Nickel)
ยกตัวอย่างจาก การศึกษาปริมาณโลหะหนักในผักสวนครัวของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2559-2560 (1) ซึ่งสุ่มเก็บตัวอย่างผัก 6 ชนิด ได้แก่ ข่า มันเทศ ชะอม ผักบุ้งนา พริกขี้หนู และมะเขือเปราะ จากพื้นที่เพาะปลูกใน 4 ภูมิภาค ที่ไม่มีกิจกรรมทำเหมืองแร่ทองคำ พบว่าผักส่วนใหญ่มีการสะสมของสารหนูและแคดเมียมในระดับไม่เกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยที่กฎหมายกำหนด (ยกเว้นบางตัวอย่างในช่วงฤดูฝนที่ตรวจพบแคดเมียมเกินเกณฑ์) ขณะที่แมงกานีสพบในปริมาณแตกต่างกันไปตามชนิดของผัก โดยพบได้สูงสุดในข่า
หรือจากงานวิจัยของ พรรณิภา และปิยะดา (2564) (2) ที่ศึกษาการปนเปื้อนโลหะหนักในดินของพื้นที่ผลิตผักเศรษฐกิจในจังหวัดพิษณุโลก โดยเก็บตัวอย่างดินจาก 55 แปลงเพาะปลูกผัก ได้แก่ ผักกาดหอม ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักคะน้า ต้นหอม และผักชีฝรั่ง พบว่าแปลงดินดังกล่าวมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก โดยเฉพาะเหล็กที่มีค่าเฉลี่ยสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ขณะที่สังกะสี ทองแดง และตะกั่วยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เกินค่ามาตรฐาน
แม้ว่าในหลายกรณี ค่าโลหะหนักปนเปื้อนที่ตรวจพบในผักหรือพื้นที่เพาะปลูกยังไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แต่อย่างไรก็ตามการบริโภคผักที่อาจมีโลหะหนักปนเปื้อนติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการตกค้างสะสมในร่างกาย และสร้างผลกระทบต่อสุขภาพได้ในระยะยาว

แหล่งที่มาของโลหะหนักในผัก
การตกค้างสะสมของโลหะหนักที่พบได้ในผัก อาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยเหล่านี้
- การใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก
- การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่ผ่านการควบคุม หรือมาจากแหล่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก
- พื้นที่การเกษตรอยู่ในแหล่งที่ไม่ปลอดภัย เช่น โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานเผาขยะ เหมืองแร่ แหล่งน้ำสาธารณะที่รองรับน้ำเสียจากครัวเรือนและกิจกรรมต่างๆ รวมถึงบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารโลหะหนักผ่านทางดิน น้ำ และอากาศ
- ภาชนะหรือวัสดุเพาะปลูกไม่ได้มาตรฐาน เช่น การใช้ถุง กระถาง หรือวัสดุรีไซเคิลอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม และอาจทำให้ผักดูดซึมโลหะหนักจากวัสดุเหล่านั้นได้
ผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับประทานผักที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการรับประทานผักที่มีการปนเปื้อนโลหะหนัก สามารถแบ่งออกได้เป็นผลกระทบแบบเฉียบพลัน และผลกระทบแบบเรื้อรัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะหนัก ปริมาณ และระยะเวลาที่เกิดการสะสมในแต่ละบุคคล
- ผลกระทบแบบเฉียบพลัน ในกรณีที่ผู้บริโภคได้รับโลหะหนักในปริมาณมากในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติทันที เช่น การระคายเคืองทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย มีผื่นขึ้นตามร่างกาย ระบบหายใจล้มเหลว หายใจติดขัด ความดันโลหิตผิดปกติ อ่อนแรง ไตวายเฉียบพลัน หรือทำให้เกิดอาการชักเกร็ง ซึ่งต้องนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
- ผลกระทบแบบเรื้อรัง เกิดจากการได้รับสารโลหะหนักในปริมาณน้อยๆ แต่ต่อเนื่องสะสมเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ หรือหลายปี โดยลักษณะอาการที่เกิดขึ้นจากการได้รับสารโลหะหนักแต่ละชนิดอาจแตกต่างกันไป ดังนี้
- ตะกั่ว สมองเสื่อม ความจำแย่ลง ในเด็กเล็กอาจมีพัฒนาการช้าหรือไอคิวต่ำ ไตเสื่อม
- แคดเมียม มวลกระดูกบาง และกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง ภาวะไตเสื่อม
- ปรอท ระบบประสาทเสื่อม พฤติกรรมเปลี่ยน กล้ามเนื้ออ่อนแรง สมองล้า มือสั่น
- สารหนู ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ป่วยบ่อย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน มะเร็งผิวหนัง ปอด กระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งตับ
- โครเมียม ภูมิคุ้มกันร่างกายผิดปกติ เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์และการตั้งครรภ์ ทำให้มีบุตรยาก ทารกในครรภ์มีพัฒนาการช้า รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งตับ และมะเร็งปอด
วิธีป้องกัน และลดความเสี่ยงที่จะได้รับโลหะหนักปนเปื้อนในผัก

แม้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารโลหะหนักที่อยู่ในผักได้ 100% แต่มีวิธีป้องกัน และช่วยลดความเสี่ยงจากการได้รับโลหะหนักที่ปนเปื้อนในผักได้ด้วยวิธีเหล่านี้
- เลือกซื้อผักจากแหล่งปลูกที่ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ว่าปลอดภัย เช่น ผักอินทรีย์หรือผักที่มีการรับรองมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) หรือแหล่งปลูกผักที่รู้จักแน่ชัด รวมถึงหลีกเลี่ยงการซื้อผักที่ระบุแหล่งที่มาไม่ได้
- หลีกเลี่ยงการบริโภคผักชนิดเดิมนานๆ และหมุนเวียนชนิดผักให้หลากหลาย โดยเฉพาะผักตามฤดูกาล
- ล้างผักให้สะอาดทุกครั้งก่อนนำมาบริโภค โดยมีวิธีล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาดตามที่กรมอนามัยแนะนำ คือ การล้างผักแบบด้วยน้ำไหล ล้างผักด้วยน้ำส้มสายชู และการล้างผักด้วยเบกกิ้งโซดา เพื่อช่วยลดสารตกค้างในผัก
- ปลูกผักบริโภคเองในครัวเรือนและทำอาหารทานเอง เพื่อช่วยให้มั่นใจได้ว่าผักที่รับประทานไม่มีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก
- การตรวจโลหะหนักในเลือด ปัสสาวะ หรือเส้นผม เพื่อประเมินระดับความเสี่ยง และหากพบว่ามีค่าโลหะหนักในร่างกายที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน แพทย์อาจพิจารณาการทำ Chelation Therapy หรือ EBOO Therapy เพื่อช่วยกำจัดโลหะหนักออกจากร่างกายตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาและความต้องการเฉพาะบุคคล ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยควรเข้ารับบริการกับสถานพยาบาล หรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ครบครัน และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์บำบัดฟื้นฟูเท่านั้น อย่างไรก็ตามการทำ Chelation Therapy หรือ EBOO Therapy เป็นแนวทางเสริมในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันหรือฟื้นฟูเท่านั้น ไม่ใช่วิธีรักษาโรคโดยตรง และไม่สามารถใช้ทดแทนการรักษาทางการแพทย์ได้
สรุป
กินผักแล้วตายไว ข้อความนี้หลายคนเห็นแล้วอาจรู้สึกกังวลว่าการกินผักแท้จริงแล้วดี หรือไม่ดีต่อสุขภาพกันแน่ ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ วิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใย เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าผักเป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์ และมีความจำเป็นอย่างมากต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการตรวจพบการปนเปื้อนของโลหะหนักในผักที่วางจำหน่ายทั่วไป ทั้งตะกั่ว แคดเมียม ปรอท สารหนู อะลูมิเนียม โครเมียม และนิกเกิล ซึ่งมักเกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง รวมถึงการปนเปื้อนจากดิน น้ำ และอากาศในแหล่งเพาะปลูกที่ไม่เหมาะสม เมื่อร่างกายได้รับสารเหล่านี้สะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง
สำหรับผู้ที่สนใจประเมินภาวะสุขภาพ หรือตรวจวัดระดับโลหะหนักที่อาจสะสมในร่างกาย สามารถเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญการได้ที่ LINNA Clinic เพื่อวางแผนตรวจวิเคราะห์อย่างเหมาะสม หากพบว่าระดับโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน เราพร้อมแนะนำแนวทางการฟื้นฟูสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล ด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดโลหะหนักและสารพิษตกค้าง เช่น Chelation Therapy และ EBOO Therapy ช่วยเสริมสร้างสมดุลในร่างกายจากภายใน คืนสุขภาพที่แข็งแรงในระยะยาว สนใจนัดจองคิวเพื่อรับคำปรึกษา และวางแผนฟื้นฟูสุขภาพโดยอาจารย์แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการบำบัดร่างกาย มาเป็นเวลายาวนานกว่า 14 ปี ได้ที่เบอร์ 063-609-8888, Whatsapp +66 919799554 หรือทางไลน์ @linnaclinic ได้เลยค่ะ
Reference
- การศึกษาปริมาณโลหะหนักในผักสวนครัวและผักพื้นบ้านของประเทศไทย ปี 2559-2560. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 2564. เข้าถึงได้จาก: https://hetci-thaijo.org/index.php/dmsc/article/view/244152/170999
- การปนเปื้อนโลหะหนักในดินของพื้นที่ผลิตผักเศรษฐกิจในจังหวัดพิษณุโลก. วารสารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. 2564. เข้าถึงได้จาก: https://phtci-thaijo.org/index.php/Scipsru/article/view/243631/166710