HIFU เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่หลายคนก็สงสัยว่า HIFU คุ้มค่าไหม กับเงินที่เสียไป
Table of Contents
คำตอบคือ HIFU คุ้มค่าหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล
ในแง่ของความต้องการ หากต้องการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย และร่องลึกต่างๆ อย่างได้ผลดีและอยู่ได้นานโดยไม่ต้องพักฟื้นหรือใช้เข็ม HIFU ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ เช่น การนวดหน้า การมาส์กหน้า หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิวที่ใช้ที่บ้าน ซึ่งอาจได้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่าและอยู่ได้ไม่นานเท่า
ในแง่ของงบประมาณ HIFU เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการทำทรีทเท้นท์หน้าทั่วไป โดยทั่วไปหากทำทั่วใบหน้าจะอยู่ที่ราคาประมาณ 10,000-25,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและเทคโนโลยีของเครื่องที่ใช้ ดังนั้น หากมีงบประมาณจำกัด ก็อาจพิจารณาใช้วิธีอื่นๆ ก่อน
ตัวอย่างการคำนวณความคุ้มค่าของ HIFU
สมมติว่า คุณอายุ 35 ปี มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณหน้าผาก ตีนกา และร่องแก้ม คุณตัดสินใจทำ HIFU บริเวณหน้าผากและตีนกา โดยใช้เครื่อง HIFU ระดับพรีเมียม ราคา 25,000 บาทต่อครั้ง
ผลลัพธ์
- ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง
- มั่นใจมากขึ้น
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลผิวอื่นๆ
ระยะเวลาคุ้มค่า
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
สรุป
หากพิจารณาในแง่ของความต้องการและระยะเวลาคุ้มค่าแล้ว HIFU อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคุณ แต่หากมีงบประมาณจำกัด ก็อาจพิจารณาวิธีอื่นๆ ก่อน
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ HIFU
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
- ดูแลตัวเองหลังทำ HIFU ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่นาน
คำแนะนำเพิ่มเติม
หากคุณกำลังมองหาวิธีการยกกระชับผิวที่ได้ผลดีและอยู่นาน HIFU ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากมีงบประมาณจำกัด ก็อาจพิจารณาวิธีอื่นๆ ก่อน เช่น การนวดหน้า การมาส์กหน้า หรือการใช้เครื่องยกกระชับผิวที่ใช้ที่บ้าน ซึ่งอาจได้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่าและอยู่ได้ไม่นาน
การคำนวณค่าใช้จ่ายในการดูแลผิวอื่นๆ
นอกจากค่าใช้จ่ายในการทำ HIFU แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผิวที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น
- ค่าครีมบำรุงผิว
- ค่าทรีทเมนท์หน้า
- ค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการบำรุงผิวแบบเดิมกับการทำ HIFU พบว่าการทำ HIFU อาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ เนื่องจากผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี เมื่อเทียบกับการบำรุงผิวแบบเดิมที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างการคำนวณค่าใช้จ่าย
สมมติว่า คุณใช้ครีมบำรุงผิวราคา 1,000 บาทต่อเดือน และเข้ารับทรีทเมนท์หน้าราคา 2,000 บาทต่อเดือน คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงผิวประมาณ 36,000 บาทต่อปี
หากทำ HIFU ราคา 25,000 บาทต่อครั้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี คุณจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงผิวได้ประมาณ 11,000 บาท และผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับด้วยการทำ HIFU เห็นผลกว่าการนวดหน้าอย่างแน่นอน
สรุป
ในทุกวันนี้ หากเราเป็นคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ต้องยอมรับว่าการใช้แค่สกินแคร์ หรือการทำทรีทเม้นต์หน้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ และเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน การทำ HIFU เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจน และยิ่งทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นผลได้ในระยะยาว หากพิจารณาในแง่ของความต้องการและระยะเวลาคุ้มค่าแล้ว HIFU ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคุณมากที่สุด