Plaque X Treatment คืออะไร ช่วยล้างไขมันในเลือดได้จริงไหม อันตรายไหม

หลอดเลือด เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบไหลเวียนโลหิต ทำหน้าที่เป็นทางในการลำเลียงเลือดและสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นประกอบกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันและแคลเซียมบริเวณผนังหลอดเลือด จนก่อตัวเป็น “คราบพลัค” (Plaque) ตัวการหลักที่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็งตัว โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต LINNA Clinic (ลินนา คลินิก) ชวนทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “คราบพลัคในเส้นเลือด” ตั้งแต่สาเหตุ การดูแล และแนวทางลดความเสี่ยง พร้อมแนะนำโปรแกรม Plaque X Treatment นวัตกรรมบำบัดที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดไขมันและคราบพลัคในหลอดเลือด ให้คุณและคนที่คุณรักมีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

Table of Contents

Plaque ในหลอดเลือดเกิดจากอะไร

Plaque หรือ คราบพลัคในหลอดเลือด เกิดจากการสะสมของไขมัน คอเลสเตอรอล โลหะหนัก สารพิษต่างๆ แคลเซียม รวมถึงคราบสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดเป็นเวลานานจนกลายเป็นก้อนตะกรันที่ขัดขวางการไหลเวียนของเลือด โดยมีสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดคราบพลัคในหลอดเลือด ดังนี้

  • โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และภาวะความดันโลหิตสูง ที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังภายในหลอดเลือด
  • พันธุกรรม หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดคราบพลัคในหลอดเลือดได้มากกว่าคนทั่วไป
  • การรับประทานอาหารที่มีไขมันในปริมาณมาก โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ ส่งผลให้ไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือดสูง และอาจซึมเข้าสู่ผนังหลอดเลือด
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับพักผ่อนน้อยและความเครียดสะสม

วิธีลดคราบ Plaque ในหลอดเลือด ต้องทำอย่างไร

คราบพลัคในหลอดเลือดส่งผลเสียต่อร่างกายได้ตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่มีความรุนแรง เช่น หลอดเลือดอุดตันหรือโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันความเสี่ยงและชะลอการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ได้ด้วยวิธีเหล่านี้

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอด ของหวาน ของมัน เนื้อสัตว์ติดมัน เบเกอรี่ ขนมกรุบกรอบ และเน้นอาหารที่ดีต่อหลอดเลือด เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด กรดไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 และ 6 ที่พบได้ในปลาทะเลน้ำลึก อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดเจีย วอลนัท เป็นต้น
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ มีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงส่งเสริมระบบหลอดเลือดและหัวใจให้แข็งแรงเสมอ
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอและดูแลสุขภาพจิตให้สดใสอยู่เสมอเพื่อลดปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร
  • เสริมด้วยการบำบัดทางการแพทย์ ปัจจุบันมีแนวทางบำบัดที่ช่วยลดการสะสมของไขมันภายในหลอดเลือด เช่น โปรแกรม Plaque X Treatment ด้วยการใช้กรดไขมันจำเป็นที่สกัดได้จากพืชเพื่อกำจัดคราบพลัคที่เกาะตามผนังหลอดเลือด และช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ดีขึ้น

Plaque X Treatment คืออะไร

Plaque X Treatment หรือ Phospholipid Treatment คือ กระบวนการบำบัดเพื่อฟื้นฟูสุขภาพของหลอดเลือดโดยตรง ด้วยการใช้ กรดไขมันจำเป็น (Essential Phospholipids – Polyenyl phosphatidylcholine) หรือ EPL-PP ที่สกัดจากพืชฉีดเข้าสู่หลอดเลือดดำ เพื่อช่วยละลายคราบไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดพร้อมกับกระตุ้นการขนส่งไขมันส่วนเกินเข้าสู่กระบวนการเมตาบอลิซึม (metabolism) ที่บริเวณตับ ผลลัพธ์ที่ได้คือ คราบพลัคหรือไขมันที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดถูกกำจัดออก ระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง ขณะที่ระดับไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้หลอดเลือดสะอาด เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สอดคล้องกับผลการศึกษาทางคลินิกขนาดเล็กซึ่งใช้การบำบัด PlaqX Forte ที่มีสารประกอบหลักเป็น Phosphatidylcholine กับอาสาสมัครจำนวน 13 คน โดยให้สารทางหลอดเลือดดำจำนวน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ พบว่าหลังรับการบำบัด 7-12 ครั้ง (จากทั้งหมด 30 ครั้งตามคอร์สที่แนะนำ) พบว่าระดับคอเลสเตอรอลรวม ไตรกลีเซอไรด์ LDL และ HbA1c ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในการศึกษานี้ยังพบว่าระดับ HDL หรือไขมันดีลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเกิดจากบทบาทของ Phosphatidylcholine ที่กระตุ้นกระบวนการสลายไขมัน (lipolysis) ในร่างกาย และเป็นประเด็นที่ต้องมีการติดตามเพิ่มเติมในระยะยาว (Nalapko et al., 2019)

Plaque X Treatment ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยกำจัดคราบพลัคในหลอดเลือด ช่วยสลายคราบไขมันและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด พร้อมยับยั้งการก่อตัวของคราบพลัคใหม่ๆ
  • ช่วยปรับสมดุลไขมันในเลือด ด้วยการลดระดับ LDL และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมเพิ่ม HDL ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดและส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว
  • ลดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะหลอดเลือดแข็ง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
  • ฟื้นฟูความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และส่งเสริมการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยปรับปรุงการทำงานของตับ และช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Plaque X Treatment

  • ผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ เช่น มีคอเลสเตอรอลรวมสูง ไขมัน LDL สูง หรือไตรกลีเซอไรด์สูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการสะสมคราบพลัคในหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง หรือโรคหลอดเลือดแข็งตัว ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อประเมินภาวะสุขภาพและความเสี่ยงก่อนเข้ารับการบำบัด โดยเฉพาะในกรณีที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังหลายโรคร่วมกัน ผู้ที่เคยมีภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรืออยู่ระหว่างการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง ทั้งจากพันธุกรรมหรือมีโรคร่วม เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดคราบพลัคในหลอดเลือด เช่น ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ผู้ที่มีความเครียดสะสม พักผ่อนน้อย หรือผู้ที่มีกิจกรรมทางกายน้อย ไม่ค่อยออกกำลังกาย
  • ผู้ที่มีภาวะโรคตับหรือไขมันพอกตับ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของตับและระบบเผาผลาญในร่างกาย
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือด เช่น อาการมือเท้าเย็น อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยง่าย หรือปวดตึงกล้ามเนื้อเรื้อรัง
  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในระยะยาว

Plaque X Treatment อันตรายหรือไม่

โดยทั่วไปการทำ Plaque X Treatment เป็นกระบวนการบำบัดเพื่อช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินและคราบพลัคที่สะสมอยู่ภายในหลอดเลือดที่มีความปลอดภัย เนื่องจากสารสำคัญที่ใช้เป็นกรดไขมันจำเป็นจากธรรมชาติและมีแนวโน้มที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย รวมถึงมีประวัติการใช้ในวงการแพทย์ตะวันตกมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม การเข้ารับการบำบัดด้วย Plaque X Treatment ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ชำนาญการ เพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยสำหรับแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวร่วมกันหลายโรคหรืออยู่ระหว่างการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด รวมถึงผู้ที่เคยมีประวัติแพ้สารบางชนิด เพื่อให้กระบวนการบำบัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

การเตรียมตัวก่อนทำ Plaque X Treatment

เพื่อให้การบำบัดด้วย Plaque X Treatment เป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้รับบริการควรเตรียมร่างกายให้พร้อมตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนเข้ารับการบำบัด เพื่อตรวจประเมินสุขภาพโดยรวม และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว การใช้ยา ประวัติการแพ้ยาหรือสารต่างๆ นอกจากนี้แพทย์อาจสั่งตรวจร่างกายเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น เช่น การตรวจเลือด ตรวจการทำงานของตับและไต หรือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
  • เว้นช่วงจากการใช้ยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ยากลุ่ม NSAIDs น้ำมันปลา กระเทียม วิตามินอี คอลลาเจน ทั้งนี้ในกลุ่มที่ต้องหยุดยารักษาโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดระยะเวลาอย่างเหมาะสม
  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
  • งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 วันก่อนเข้ารับบำบัด
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในวันที่เข้ารับบำบัด

การดูแลตัวเองหลังทำ Plaque X Treatment

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาตามคำสั่งแพทย์ในกรณีที่มีการจ่ายยา และเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามผลหลังการบำบัดตามนัด
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียและไขมันที่แตกตัวออกจากระบบหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยฟื้นฟูหลอดเลือดให้กลับมายืดหยุ่น แข็งแรง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตนเองได้อย่างเต็มที่
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ เน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผัก ผลไม้ และกรดไขมันดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยลดโอกาสการกลับมาสะสมของไขมันและคราบพลัคในหลอดเลือด
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลียมากผิดปกติ มีอาการแพ้หรือระคายเคือง ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที

หากคุณกำลังเผชิญปัญหาระดับไขมันในเลือดสูง หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือด และอยากเริ่มต้นดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอย่างจริงจัง สามารถเข้ารับคำปรึกษาและวางแผนการดูแลสุขภาพเฉพาะรายบุคคลกับแพทย์ชำนาญการที่ LINNA Clinic ได้ทุกสาขา ติดต่อได้ที่ @linnaclinic หรือโทร 063-609-8888 ได้เลยค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

LINNA Clinic คว้า 2 รางวัลใหญ่จาก PRAEW ICONIC BEAUTY 2025 การันตีความเป็นผู้นำด้าน HIFU 4 ปีซ้อน!!

เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ LINNA Clinic ที่ปีนี้คว้า 2 รางวัลใหญ่จาก PRAEW ICONIC BEAUTY 2025 เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งถือเป็นโปรเจกต์เรือธงของนิตยสารแพรว ซึ่งจัดต่อเนื่องมาถึงปีที่ 11 และเป็นมาตรฐานสำคัญในการคัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการความงามที่ดีที่สุดของไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Icon of Perfection” สะท้อนแนวคิดว่า ความสมบูรณ์แบบไม่ได้มีสูตรสำเร็จ แต่คือความพอใจในแบบของตนเอง โดยในปีนี้ LINNA Clinic ได้รับถึง 2 รางวัลทรงเกียรติ ได้แก่ Hall of Fame รางวัลนี้ถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดในงาน PRAEW ICONIC BEAUTY ที่ไม่ได้มอบให้กับทุกแบรนด์ แต่คัดเลือกเฉพาะผู้ที่สามารถรักษามาตรฐานคุณภาพและความน่าเชื่อถือได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน สะท้อนถึงความมั่นคงและความเป็นผู้นำที่แท้จริงในวงการความงาม ปีนี้ LINNA Clinic ได้รับการประกาศเกียรติยศเข้าสู่ Hall of Fame อย่างสง่างาม พร้อมทั้ง คุณว่าน – กุศลิน ลัญจกรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ LINNA

วัคซีนโควิด (COVID-19 Vaccine) คืออะไร? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร?

ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 “วัคซีน” ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยปกป้องชีวิตผู้คนทั่วโลก ลดความรุนแรงของโรค และช่วยให้ระบบสาธารณสุขกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง (World Health Organization, 2023; European Medicines Agency, 2022) แต่ในขณะเดียวกัน การฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่า “ไม่มีความเสี่ยง” เพราะเช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์ทุกประเภท วัคซีนก็อาจมีผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ในบางคนได้เช่นกัน (Centers for Disease Control and Prevention, 2022). แม้วัคซีนโควิดจะมีประโยชน์อย่างมากในการลดความรุนแรงของโรคโควิดและช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย แต่ในอีกด้านหนึ่ง วัคซีนก็มี “ข้อจำกัดและผลข้างเคียง” ที่ควรรู้ไว้เช่นกัน เช่น อาการไข้ ปวดเมื่อย หรือในบางรายอาจมีอาการแพ้หรืออักเสบที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษ (Patone et al., 2022). การเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสียของวัคซีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล พร้อมดูแลร่างกายได้ถูกวิธี ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีน บทความนี้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่หลักการทำงาน ประเภทของวัคซีน ผลข้างเคียง ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้น ไปจนถึงแนวทางดูแลและฟื้นฟูร่างกายหลังฉีดอย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณเข้าใจว่า วัคซีนคือเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรค แต่ก็ยังต้องอาศัยการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด Table of Contents

โปรตีนหนาม (Spike Protein) คืออะไร? อาการและผลข้างเคียงที่ควรรู้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คำว่า “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 เพราะโปรตีนชนิดนี้เป็นทั้ง กลไกสำคัญที่ไวรัสใช้เข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ และเป็น ส่วนประกอบหลักของวัคซีนรุ่นใหม่ ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับโรค COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านหนึ่ง “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) ถือเป็น “เครื่องมือสำคัญ” ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจดจำเชื้อไวรัสและสร้างภูมิคุ้มกันได้รวดเร็วเมื่อติดเชื้อจริง แต่อีกด้านหนึ่ง “โปรตีนหนาม” (Spike Protein) หากคงอยู่ในร่างกายนานเกินไป หรือ กระตุ้นภูมิคุ้มกันมากเกินจำเป็น ก็อาจเป็นสาเหตุของ ภาวะอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น เหนื่อยง่าย สมองล้า นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย หรือภาวะคล้าย Long COVID นอกจากนี้ยังมีรายงานทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นว่า Spike Protein อาจเกี่ยวข้องกับภาวะ หลอดเลือดอักเสบ (Vasculitis), กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis), สมองล้า (Brain Fog) และ ภาวะภูมิคุ้มกันไวเกิน (Autoimmune-like Response)

Shopping Cart
Scroll to Top