บริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก (Botox)

บริเวณบางส่วนหมอไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก (Botox) นะคะ เนื่องจากมีโอกาสส่งผลเสียต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหรือทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติค่ะ

บริเวณหลักที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่

  • บริเวณเหนือคิ้วนิดหน่อย อาจทำให้คิ้วตก หรือฉีดแล้วตาดูเหนื่อยล้า ดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • เปลือกตา  อาจทำให้หนังตาตก ปิดตาไม่สนิท มองเห็นภาพซ้อน
  • บริเวณใต้ตา ในเคสที่มีถุงใต้ตา อาจทำให้ถุงใต้ตาดูหย่อนชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  • โหนกแก้ม หน้าแก้ม ถ้าฉีดลึกไปอาจจะทำให้ยิ้มเบี้ยวได้
  • ร่องแก้ม ทำให้เวลาแสดงสีหน้าจะดูไม่เป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังมีบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่

  • บริเวณที่ผิวหนังอักเสบ หรือมีแผลเปิด: เสี่ยงติดเชื้อ
  • บริเวณที่มีอาการบวมช้ำ: อาจทำให้บวมมากขึ้น
  • บริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่ใกล้ๆ: เสี่ยงโดนเส้นประสาท 
  • บริเวณที่ไม่ควรฉีดอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล หมอจะพิจารณาเป็นรายบุคคลค่ะ 

 

Table of Contents

ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของการฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณที่ไม่เหมาะสม

เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่าการฉีดโบท็อก (Botox)เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้ หมอขอยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ

  • ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราว
  • รอยช้ำบริเวณที่ฉีด
  • อาการบวมบริเวณที่ฉีด
  • ปวดบริเวณที่ฉีด
  • รู้สึกชาบริเวณที่ฉีด
  • ตาพร่ามัว
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • พูดไม่ชัด
  • กลืนลำบาก
  • ยิ้มเบี้ยว
  • ปากเบี้ยว
  • หน้าแข็ง
  • ติดเชื้อบริเวณที่ฉีด
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นอัมพาตชั่วคราว
  • ระคายเคืองบริเวณที่ฉีด
  • เกิดก้อนแข็งบริเวณที่ฉีด
  • เกิดอาการแพ้

โอกาสของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

หมอขออธิบายผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้ค่ะอาการปวดศีรษะหรือความรู้สึกเจ็บๆ คันๆ (พบประมาณ 2.5%) รอยช้ำจากการที่ เข็มฉีดยาทำให้เกิดความบาดเจ็บต่อหลอดเลือด มักเกิดบริเวณหางตา อาการคิ้วหรือ หนังตาตก (มีโอกาสเกิด 1-3%) อาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด (2.5%) กล้ามเนื้อ อ่อนแรงเฉพาะที่ (1.7%) ซึ่งผลข้างเคียง เหล่านี้มักเป็นเล็กน้อยหรือปานกลาง และ มักหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์ค่ะ

ก่อนฉีดโบท็อก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อแพทย์ประเมินปัญหา และแนะนำบริเวณที่เหมาะสม ปริมาณยาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จำเป็นต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติสุขภาพของคุณอย่างครบถ้วน เพื่อให้แพทย์พิจารณาความเหมาะสมในการฉีดโบท็อก และป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ การฉีดโบท็อกเป็นการรักษาความงามชนิดหนึ่ง ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกค่ะ

หมอขอแนะนำคนไข้ห้ามฉีดโบท็อก (Botox) หากคุณมีโรคเหล่านี้และอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์

  1. มีความผิดปกติทางกล้ามเนื้อและระบบประสาท เพราะอาจมีอาการแย่ลง เช่น โรค Myasthenia gravis หรือ โรค Amyotrophic lateral sclerosis
  2. กำลังตั้งครรภ์ / อยู่ในระหว่างให้นมบุตร แม้ไม่เคยมีรายงานถึงอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่เนื่องจากไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าปลอดภัยจึงควรหลีกเลี่ยงการรักษา

ทางเลือกอื่นสำหรับการปรับรูปหน้าในบริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความเป็นธรรมชาติ

ทางเลือกสำหรับการปรับรูปหน้าในบริเวณที่ไม่สามารถฉีดโบท็อก (Botox) ได้ มีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการปรับและผลลัพธ์ที่ต้องการ หมอขอยกตัวอย่างดังนี้ค่ะ

  • ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปทรงใบหน้าได้ โดยแพทย์จะเลือกใช้สารเติมเต็มที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
  • HIFU: เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนังเหมาะสำหรับลดริ้วรอย แก้ปัญหากระชับผิวลึก ปรับรูปหน้า ผลลัพธ์ยาวนาน 6-12 เดือน
  • RF: คือเทคโนโลยีความถี่คลื่นวิทยุ จะทำให้เกิดความร้อนในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้คอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนัง เหมาะสำหรับกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยตื้น ผิวเรียบเนียน กระชับผิว ผลลัพธ์อยู่ได้ 3-6 เดือน
  • ฉีด Skin Boosters หรือ กลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือวิตามินเข้าไปใต้ชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ ริ้วรอยจางลง ผิวดูอิ่มฟู ผิวกลับมาอ่อนเยาว์ ระยะเวลาผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับตัวที่เลือกมฉีด
  • ศัลยกรรม เป็นวิธีการปรับรูปห้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างถาวรหรืออยู่ได้ยาวนาน โดยแพทย์จะผ่าตัดปรับรูปทรงใบหน้าตามความต้องการ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้แพทย์ประเมินและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลค่ะ แต่ข้อเสียคือต้องใช้เวลาพักฟื้นนานและราคาสูง

เข้าใจวัตถุประสงค์และข้อจำกัดของการฉีดโบท็อก (Botox)

ก่อนที่จะทำความเข้าใจข้อจำกัดของการฉีดโบท็อก (Botox) หมออยากให้เข้าใจวัตถุประสงค์ก่อนค่ะว่าโบท็อก (Botox) แท้ที่จริงแล้วเราฉีดเพื่ออะไรกันแน่ หลายคนคงทราบแล้วว่าโบท็อก (Botox) เป็นชื่อการค้าของยาโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum toxin) ซึ่งเป็นสาร Toxin ที่ผลิตโดยแบคทีเรียชนิด Clostridium Botulinum มีคุณสมบัติในการยับยั้งการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ฉีดยาเกิดการคลายตัวค่ะ

วัตถุประสงค์ของการฉีดโบท็อก (Botox) ที่คลินิกความงามสามารถให้บริการได้

  • ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา
  • ยกกระชับใบหน้า
  • ลดขนาดกราม
  • ปรับรูปหน้า
  • ลดเหงื่อที่รักแร้
  • ลดเหงื่อที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  • ลดขนาดน่อง
  • Office Syndrome 
  • ลดการนอนกัดฟันให้น้อยลง

แม้จะเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง แต่การฉีดโบท็อก (Botox) ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้ค่ะ

  • ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพผิว เทคนิคการฉีด และปริมาณโบท็อกที่ใช้
  • อาจเกิดผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น รอยเขียวช้ำ บวม ปวดศีรษะ
  • ในบางกรณีอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ตาตก มุมปากตก ในกรณีที่ฉีดผิดมัดกล้ามเนื้อ แต่เป็นอาการเพียงชั่วคราว
  • ไม่ควรฉีดโบท็อกในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางชนิด เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคภูมิแพ้รุนแรง

หมอขอสรุปว่าการเลือกวิธียกกระชับใบหน้าที่เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความหย่อนคล้อยของผิวหน้า บริเวณที่ต้องการยกกระชับ งบประมาณ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนฉีดโบท็อก (Botox) ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาและแนะนำบริเวณที่เหมาะสมในการฉีด รวมถึงปริมาณยาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นแต่ไม่รู้จะเริ่มจัดการอย่างไร ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) พร้อมเป็นที่ปรึกษาและช่วยคุณเปลี่ยนความกังวลให้เป็นความมั่นใจ ด้วยบริการเสริมความงามที่ครบวงจรและมีคุณภาพสูง เราให้บริการเสริมความงามที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกปัญหาผิวพรรณและรูปร่าง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาค่ะ

أبجد هوز حطي كلمن سعفص قرشت ثخذ ضظغ

บทความที่เกี่ยวข้อง

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ โหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง เสริมเสน่ห์ สร้างบารมี ปรับหน้าสวยทั้งทีต้องดีทุกด้าน

โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ความสวยที่ไม่ใช่แค่เพียงถูกหลักความงามทางวิทยาศาสตร์อย่าง Golden Ratio แต่ยังต้องสอดคล้องเข้ากับหลักโหงวเฮ้ง (Mien Shiang) ศาสตร์ของการทำนายทายทักคุณสมบัติและอุปนิสัยของแต่ละบุคคลได้จากลักษณะภายนอก มากไปกว่านั้นคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านยังมีความเชื่อว่าโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีจะช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ทำให้ใบหน้าสวยงามน่ามองทั้งยังเป็นการช่วยเติมเต็มพลังบวกดึงดูดแต่เรื่องดีๆ ส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้านของชีวิตไม่ว่าจะเป็นการเงิน การงาน สุขภาพ ความรักและครอบครัว สาวๆ คนไหนที่กำลังศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิง โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ต้องเป็นแบบไหน? ปรับโหงวเฮ้งใบหน้าให้ดีขึ้น ทำได้อย่างไร? ตามมาเสริมพลังความสวยด้วยหลักโหงวเฮ้งใบหน้าในบทความนี้ของลินนา คลินิก (LINNA Clinic) กันได้เลยค่ะ ลักษณะโหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ใบหน้าผู้หญิง ที่ดีต้องเป็นอย่างไร? หากอิงจากตำราความเชื่อของชาวจีนแล้วนั้นลักษณะโหงวเฮ้งใบหน้า ผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์ประกอบไปด้วย 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่ หน้าผาก ตา จมูก ปาก และคาง โดยที่ทุกอย่างจะต้องมีสัดส่วนที่สมดุลรับเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ ดังนี้ หน้าผาก หน้าผากนับเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนสุดของใบหน้าจึงเปรียบเสมือนจุดพลังงานสำคัญที่จะช่วยเสริมโชคชะตา โหงวเฮ้งผู้หญิง มีเสน่ห์ ที่บริเวณหน้าผากต้องมีลักษณะกลมมน มีความโหนกนูนในระดับที่พอเหมาะไม่ยกสูงหรือราบเรียบจนเกินไป และที่สำคัญโหงวเฮ้งหน้าผากผู้หญิงที่ดูดี ช่วยเพิ่มบารมี โชคลาภวาสนาจะต้องเป็นหน้าผากที่ดูเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีรอยแผลเป็นหรือริ้วรอยร่องลึกต่างๆ

เทรนด์การฉีดโบท็อก แบบไหนที่นิยมในหมู่ Celeb

ดารา Hollywood เริ่มฉีด เบบี้โบท็อก (Baby Botox) จนเป็นเทรนด์ฮอตฮิตอยู่ตอนนี้ ดาราสาวหลายคนกล่าวว่า รู้สึกว่าการฉีดเทคนิคเบบี้โบท็อก (Baby Botox) เป็นวิธีที่ทำให้มีความอ่อนเยาว์หน้าดูเด็กที่สุดทำให้ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ Table of Contents เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คืออะไร เบบี้โบท็อก (Baby Botox) คือ เทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) แบบใหม่ล่าสุดที่ฮิตมากในหมู่เซเลปคนดังฮอลลีวูดถือเป็นเทคนิคการฉีดโบท็อก (Botox) เพื่อเน้นลดริ้วรอย เช่น รอยย่นบนบริเวณหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว และรอยตีนกา แต่ใบหน้ายังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดโบท็อก (Botox) ในบริเวณรอยลึก สำหรับการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยจะเห็นผลชัดเจนในการแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น การขมวดคิ้ว การเลิกคิ้ว ริ้วรอยตีนกา การยิ้ม ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น แต่ถ้าหากเป็นปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากปัญหากระดูกทรุดตัว อาจจะต้องแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์หนุนในชั้นผิว เพราะสารเติมเต็มในฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้มากกว่าการฉีดโบท็อก (Botox) ลดริ้วรอยค่ะ 3 เทคนิคฉีดโบท็อก (Botox)

อยากฉีดโบท็อก (Botox) แต่กลัวเข็ม กลัวเจ็บ ทำอย่างไรดี

ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง หมอจะทำการแปะยาชาหรือใช้น้ำแข็งช่วยประคบเย็นก่อนทำการฉีดทุกครั้ง รวมถึงเข็มที่ลินนาคลินิกเลือกใช้จะมีขนาดที่เล็กเป็นพิเศษ จึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับเข็มที่มีขนาดทั่วไปค่ะ หากใครที่มีความกลัวเข็มมากเป็นพิเศษก็สามารถขอทำการแปะยาชาก่อนได้เช่นกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  และเราเองมีการใช้ตัว Face Vibration เพื่อช่วยในการเบนความสนใจได้ด้วยเช่นกัน และยังมีตัวช่วยอื่นๆที่หมอสรุปไว้ให้ด้านล่างนี้ด้วยเช่นกันค่ะ นอกจากนั้นทางหากท่านใดมีความกังวลหรือไม่สบายใจตรงจุดไหนสามารถเข้ามาพูดคุยสอบถามรายละเอียดขั้นตอนการรักษากับหมอได้ที่ลินนาคลินิก (LINNA Clinic) ก่อนได้เลยนะคะ Table of Contents คนกลัวเข็มจัดการกับการกลัวอย่างไรดี การแก้ไขอาการกลัวเหล่านี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มที่ตัวเราเองได้เลยค่ะ มีวิธีการดังนี้ ปรับทัศนคติของตัวเองใหม่ การจัดลำดับความคิดของตัวเองให้ได้เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ก่อนอื่นให้ปรับทัศนคติที่มีต่อสิ่งที่ตัวเองกลัว ยกตัวอย่าง เช่น การกลัวเข็ม โดยให้คิดว่าการเผชิญหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปสามารถทำได้โดยค่อย ๆ เอาตัวเองไปอยู่กับสิ่งๆนั้นให้มากขึ้นไม่ต้องทำในทันทีทันใดนะคะ ให้ค่อย ๆ ทำ เช่น ไปอยู่กับเพื่อนที่ทำมาแล้วสวยเราก็จะเริ่มซึมซับและปรับทัศนคติให้กลัวน้อยลงและมีความกล้ามากขึ้นที่จะทำค่ะ ตั้งสมาธิและผ่อนคลาย คนที่ไม่กล้า ผ่า ฉีดยา การตั้งสมาธิช่วยทำให้เราใจเย็นลงได้ แต่มันทำได้มากกว่านั้นค่ะ โดยการตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจ เข้า-ออกจะช่วยให้จิตใจของเรานิ่งมากขึ้นค่ะ โดยคนเป็นโรคนี้ถ้าหากฝึกไปเรื่อย ๆ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ก็จะสามารถ ควบคุมสติและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้มากขึ้นค่ะ การเบี่ยงเบนความสนใจ หากกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ให้พยายามคิดถึงสิ่งอื่นแทนค่ะโดยก่อนทำอาจจะแจ้งหมอของเราว่าให้ช่วยพูดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในขณะที่ฉีดยาชา สมองจะได้คิดไปเรื่องอื่นไม่มาโฟกัสเรื่องนี้หรือขณะที่ทำให้ตัวเองหันหน้าไปมองทางอื่นเพื่อจะได้ไม่มองเห็นซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลมากเลยค่ะ ใช้ตัวยา Penthrox ช่วย

Shopping Cart
Scroll to Top