ไฮฟู (Hi-Fu) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) ส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่รองรับผิวหน้า พลังงานความร้อนนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยตื้นๆ จางลง และผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Table of Contents
ขั้นตอนการทำไฮฟู
- ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชา (หากต้องการ)
- ทาเจลเย็นบริเวณที่จะทำไฮฟูเพื่อปกป้องผิว
- แพทย์จะใช้หัวเครื่องไฮฟูจ่อไปที่บริเวณที่ต้องการรักษา
- แพทย์จะปล่อยพลังงานความร้อนจากเครื่องไฮฟูไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก
- การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา
ผลลัพธ์ของการทำไฮฟู
ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูจะเริ่มเห็นผลชัดเจน 1-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น อายุ สภาพผิว และความลึกของริ้วรอย โดยทั่วไปแล้ว การทำไฮฟูสามารถช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ ได้ถึง 50% และช่วยลดริ้วรอยลึกได้ถึง 30% นอกจากนี้ การทำไฮฟูยังสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อีกด้วย
ข้อดีของการทำไฮฟู
การทำไฮฟูมีข้อดีหลายประการ ได้แก่
- เป็นวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
- เห็นผลได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน
- หากเป็นริ้วรอย 4-6 เดือน หากเป็นการยกกระชับ 6-12 เดือน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยและยกกระชับผิวหน้า
ข้อควรระวังในการทำไฮฟู
การทำไฮฟูอาจมีข้อควรระวังบางประการ ได้แก่
- ไม่ควรทำไฮฟูหากมีรอยไหม้ รอยแผลเป็น หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟูหากมีโรคส่วนตัวใดๆ
- อาจมีอาการบวมแดงหรือระคายเคืองบริเวณที่ทำไฮฟูได้ อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
- ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดหรือความร้อนโดยตรงหลังทำไฮฟู
รีวิวการทำไฮฟู (Hi-Fu) จากผู้ที่เคยทำ
จากผลการค้นหาของฉัน รีวิวการทำไฮฟู (Hi-Fu) จากผู้ที่เคยทำส่วนใหญ่มีความพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ โดยระบุว่าช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูเต่งตึงขึ้น ร่องแก้มลึกลดลง เหนียงยุบลง หน้าเรียวขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ และสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางส่วนที่ระบุว่าการทำไฮฟูอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยขณะทำ ขึ้นอยู่กับความไวต่อความรู้สึกของแต่ละบุคคล โดยอาการเจ็บจะลดลงเมื่อทำไปเรื่อยๆ และอาการบวมหลังทำจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน
โดยรวมแล้ว การทำไฮฟูเป็นวิธียกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่เจ็บ ไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือก่อนทำ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างรีวิวการทำไฮฟูจากผู้ที่เคยทำ
- ทำไฮฟูมา 2 ครั้งแล้ว ผลลัพธ์ดีมาก หน้ายกกระชับขึ้น ร่องแก้มลึกลดลง เหนียงยุบลง หน้าเรียวขึ้น ริ้วรอยลดลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รู้สึกประทับใจมากค่ะ”
- “ทำไฮฟูครั้งแรกรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ทนได้ ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้ายกกระชับขึ้น ร่องแก้มลดลง รู้สึกดีใจมากค่ะ”
- “ทำไฮฟูแล้วหน้าดูสดใสขึ้น ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ค่ะ”
- “ทำไฮฟูแล้วรู้สึกว่าหน้าดูเด็กลง รู้สึกดีใจมากค่ะ
ความปลอดภัยของการทำไฮฟู (Hi-Fu)
โดยทั่วไปการทำไฮฟู (Hi-Fu) ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เมื่อเทียบกับการทำหัตถการความงามอื่นๆ เช่น เลเซอร์หรือศัลยกรรม เพราะไฮฟูใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) ในการส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อยึดเกาะใต้ผิวหนัง ทำให้ชั้น SMAS เกิดการหดตัวและยกกระชับขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนหรือความเสียหายต่อผิวหนังชั้นนอก
อย่างไรก็ตาม การทำไฮฟูก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางประการได้ เช่น
- อาการบวมแดงหรือระคายเคืองผิว มักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน
- อาจเกิดตุ่มน้ำใสเล็กๆได้และจะหายไปเองภายใน 1 อาทิตย์โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
- อาการปวด มักเกิดขึ้นบริเวณที่ทำไฮฟู มักหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน
- อาการแพ้ พบได้น้อยมาก มักเกิดจากสารหล่อลื่นที่ใช้ระหว่างการทำไฮฟู
นอกจากนี้ การทำไฮฟูอาจไม่เหมาะกับบุคคลบางกลุ่ม เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือติดเชื้อ
- ผู้ที่มีอาการแพ้สารหล่อลื่นที่ใช้ระหว่างการทำไฮฟู
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำไฮฟู ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เพื่อประเมินความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้การทำไฮฟูเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา เพราะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ราคาการทำไฮฟู (Hi-Fu)
ราคาการทำไฮฟู (Hi-Fu) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ยี่ห้อเครื่องที่ใช้ ปริมาณช็อตที่ใช้ ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำ และโปรโมชั่นของคลินิก โดยราคาเฉลี่ยในการทำไฮฟูในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน สำหรับทั่วหน้าอยู่ที่ 10,000- 30,000 บาท ต่อครั้ง
สำหรับค่าตอบแทนที่ดีในการทำไฮฟูนั้น โดยทั่วไปควรได้รับผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น ผิวหน้าดูยกกระชับ ร่องลึกลดลง เหนียงลดลง โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน หลังจากนั้นอาจต้องทำซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ไว้
ตัวอย่างราคาการทำไฮฟู (Hi-Fu) ในประเทศไทย
- คลินิก V Square Clinic ราคา 600-800 ช็อต 18,000 บาท
- คลินิก Aesthe Clinic ราคา 700-1,000 ช็อต 29,000-35,000 บาท
- คลินิก The Skin Clinic ราคา 600 ช็อต 19,999 บาท
- ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ราคา 2000 ช็อต 1,1999 บาท
ก่อนตัดสินใจทำไฮฟูควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากคลินิกต่างๆ หลายแห่ง เพื่อเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย
ไฮฟู (Hi-Fu) vs. การทำศัลยกรรมยกกระชับ
ทั้งสองวิธีเป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ
ไฮฟู (Hi-Fu) ย่อมาจาก High-Intensity Focus Ultrasound เป็นการยกกระชับผิวโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง คลื่นเหล่านี้จะส่งผ่านผิวหนังไปที่ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นลึกของผิวหนังที่อยู่ใต้กล้ามเนื้อ คลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดการหดตัวของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับขึ้น
การทำศัลยกรรมยกกระชับ เป็นการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อดึงผิวหนังและเนื้อเยื่อให้ตึงขึ้น จากนั้นจึงเย็บแผลปิด การทำศัลยกรรมยกกระชับสามารถยกกระชับผิวได้ลึกกว่าไฮฟู และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนกว่า
ข้อดีและข้อเสียของไฮฟู (Hi-Fu)
- ข้อดี:
- เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่ไม่ผ่าตัด
- ใช้เวลาทำไม่นาน
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ผลข้างเคียงน้อย
- ข้อเสีย:
- อาจเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจนเท่ากับการทำศัลยกรรมยกกระชับ
- ผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นานเท่าการทำศัลยกรรมยกกระชับ
ข้อดีและข้อเสียของการทำศัลยกรรมยกกระชับ
- ข้อดี:
- สามารถยกกระชับผิวได้ลึกกว่าไฮฟู
- สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนกว่า
- ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน
- ข้อเสีย:
- เป็นวิธีการยกกระชับผิวแบบผ่าตัด
- ใช้เวลาทำนาน
- ต้องมีการผ่าตัดและพักฟื้น
- มีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ เลือดออก บวมช้ำ เป็นต้น
วิธีเลือกระหว่างไฮฟูและการทำศัลยกรรมยกกระชับ
การเลือกระหว่างไฮฟูและการทำศัลยกรรมยกกระชับขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ระดับความหย่อนคล้อยของผิว งบประมาณ และความต้องการส่วนบุคคล
หากต้องการยกกระชับผิวในระดับปานกลาง ไฮฟูเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ผ่าตัด ใช้เวลาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น
หากต้องการยกกระชับผิวในระดับรุนแรงหรือต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน การทำศัลยกรรมยกกระชับเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากสามารถยกกระชับผิวได้ลึกกว่าและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนกว่า
นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ
การใช้ไฮฟู (Hi-Fu) ในการลดริ้วรอย
ไฮฟู (Hifu) ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound คือ นวัตกรรมเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงเข้าไปยังชั้นผิวหนังชั้นลึก (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง
การใช้ไฮฟูในการลดริ้วรอย สามารถทำได้ทุกบริเวณของใบหน้า เช่น หน้าผาก แก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา คอ ร่องแขน เป็นต้น โดยผลลัพธ์ที่จะเห็นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยจะเเห็นผลชัดเจน 1-3 เดือน อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ( (ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ สภาพผิว การดูแลตัวเอง)
ข้อดีของการใช้ไฮฟูในการลดริ้วรอย
- ไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา
- ใช้เวลาทำ 10-15 นาที หากมีการแปะยาชาบวกเพิ่มอีก 30 นาที
- ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
- เห็นผลเร็วและชัดเจน
ข้อเสียของการใช้ไฮฟูในการลดริ้วรอย
- อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหลังทำ
- อาจมีอาการปวดหรือแสบร้อนบริเวณที่ทำ
- อาจมีค่าใช้จ่ายสูง
ก่อนทำไฮฟูควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกพลังงานที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ประสิทธิภาพของการทำไฮฟู (Hi-Fu)
การทำไฮฟู (Hi-Fu) เป็นเทคโนโลยีความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ปล่อยพลังงานความร้อนไปยังชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง โดยพลังงานความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเกิดการยกกระชับ ริ้วรอยลดลง รูขุมขนเล็กลง และใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
จากการศึกษาพบว่าการทำไฮฟูมีประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้า โดยสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในระยะเวลา 1-3 เดือนหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ สภาพผิว การดูแลตัวเอง เป็นต้น
การทำไฮฟูมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
- การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา
- ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำ
- ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นาน
อย่างไรก็ตาม การทำไฮฟูก็มีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้
- ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและแนะนำพลังงานที่เหมาะสม
- ควรหลีกเลี่ยงการทำไฮฟูหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟูหากมีโรคส่วนตัวใดๆ
ไฮฟู (Hi-Fu) ในการปรับทรวงอก
ไฮฟู (Hi-Fu) สามารถใช้เพื่อปรับทรวงอกได้ โดยทำงานโดยการส่งผ่านคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงไปยังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่ระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อหน้าอก เมื่อคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ถูกปล่อยออกไป จะทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อ SMAS ซึ่งจะช่วยยกกระชับทรวงอกให้เต่งตึงขึ้น
ไฮฟูสามารถช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของทรวงอกได้หลายประการ เช่น
- ทรวงอกหย่อนคล้อย
- หน้าอกแบน
- หน้าอกขาดความกระชับ
ไฮฟูเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับทรวงอกโดยไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นขั้นตอนการทำไฮฟูเพื่อปรับทรวงอกจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง บวกเวลาในการแปะยาชาเพิ่มอีก 30 นาที โดยแพทย์จะทำการมาร์คตำแหน่งที่ต้องการทำการรักษา จากนั้นจะใช้เครื่องไฮฟูยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ไปที่ตำแหน่งที่มาร์คไว้ ในระหว่างการรักษาอาจรู้สึกอุ่นหรือร้อนเล็กน้อย แต่จะไม่รู้สึกเจ็บ
ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูจะค่อยๆเห็นผลเต็มที่ภายใน 4-6 เดือน อยู่ได้นาน 6-12 เดือนทรวงอกจะมีความกระชับขึ้นและเต่งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อควรระวังก่อนทำไฮฟูเพื่อปรับทรวงอก
- ไม่ควรทำไฮฟูหากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ไม่ควรทำไฮฟูหากมีประวัติการแพ้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์
- ไม่ควรทำไฮฟูหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟูหากมีโรคส่วนตัวใดๆ
ไฮฟู (Hi-Fu) หลังคลอด
ไฮฟู (Hi-Fu) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าและลำคอแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ปล่อยพลังงานความร้อนลงสู่ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังชั้นหนังแท้ โดยพลังงานความร้อนนี้จะเข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินให้หดตัว ส่งผลให้ผิวหน้าและลำคอยกกระชับขึ้น
สำหรับคุณแม่หลังคลอด การทำไฮฟูสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดได้ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 1-2 เดือนหลังทำ และผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม คุณแม่หลังคลอดควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำไฮฟู เนื่องจากอาจมีข้อจำกัดบางประการ เช่น
- คุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรภายใน 6 สัปดาห์แรก ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวก่อน
- คุณแม่ที่มีอาการแพ้ยาหรือผลิตภัณฑ์ความงาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- คุณแม่ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
นอกจากนี้ คุณแม่หลังคลอดควรดูแลตัวเองหลังทำไฮฟู ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบุหรี่
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกแดด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ข้อดี
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด
- เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 1-3 เดือนหลังทำ
- ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนถึง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ใช้เวลาทำไม่นาน
- ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ให้นมบุตร
หากคุณแม่หลังคลอดกำลังพิจารณาทำไฮฟู ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและสุขภาพของคุณได้อย่างเหมาะสม และได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการทำไฮฟู
ทำไฮฟู (Hi-Fu) ที่ไหนดี
การเลือกคลินิกทำไฮฟู่ (Hi-Fu) นั้นควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้
- มาตรฐานคลินิก ควรเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน
- แพทย์ผู้ทำการรักษา ควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำไฮฟู่
- ประเภทเครื่องไฮฟู่ ควรเลือกเครื่องไฮฟู่รุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
- ราคา ควรเปรียบเทียบราคาจากคลินิกหลายแห่ง เพื่อเลือกราคาที่เหมาะสม
จากผลการสำรวจของเว็บไซต์ Top Thai Clinic ประจำปี 2023 พบว่าคลินิกที่ทำไฮฟู่ดีและได้รับความนิยมมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
- LINNA Clinic ลินนาคลินิก
- Masterpiece Hospital
- Meko Clinic
- Apex Profound Beauty
- THE KLINIQUE
- Lively Clinic
- The Wish Clinic
- SLC Siam Laser Clinic
- F Clinic
- Aya Clinic
ทั้งนี้ คลินิกเหล่านี้ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก หากท่านอยู่ต่างจังหวัด แนะนำให้หาคลินิกที่ใกล้บ้านหรือเดินทางสะดวก โดยพิจารณาจากปัจจัยข้างต้นเช่นกัน
นอกจากนี้ การเลือกคลินิกทำไฮฟู่ยังสามารถพิจารณาจากรีวิวของคนไข้ที่เคยทำการรักษามาก่อนได้ โดยสามารถอ่านรีวิวได้จากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
อายุที่เหมาะสมในการทำไฮฟู (Hi-Fu)
อายุที่เหมาะสมในการทำไฮฟู (Hi-Fu) โดยทั่วไปอยู่ที่ 20 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงอายุที่เริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว ซึ่งส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ โดยการทำไฮฟูจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวกลับมากระชับเต่งตึงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ก็สามารถทำไฮฟูได้เช่นกัน หากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำทุกครั้ง
นอกจากอายุแล้ว ผู้ที่สามารถทำไฮฟูได้ จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวแต่หากมีแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ไม่มีแผลเปิดหรืออักเสบบริเวณที่จะทำไฮฟู่
การทำไฮฟูเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว แต่ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
ต่อไปนี้เป็นข้อดีของการทำไฮฟู
- ไม่เป็นการผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีแผล
- ใช้เวลาในการทำไม่นาน
- เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำทันที
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
หากท่านมีความสนใจในการทำไฮฟู สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือคลินิกเสริมความงามที่เชื่อถือได้ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของท่าน
การทำไฮฟู (Hi-Fu) ในการลดพุง
การทำไฮฟู (Hi-Fu) ในการลดพุงเป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง (High Intensity Focused Ultrasound) ส่งผ่านไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้นและพุงยุบลง
การทำไฮฟูในการลดพุงใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและปริมาณไขมันที่ต้องการกำจัด โดยทั่วไปต้องทำซ้ำทุกๆ 6-12 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูในการลดพุงจะเริ่มเห็นผลภายใน 3-6 เดือน จะเห็นได้ว่าพุงยุบลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และกระชับขึ้น
ข้อดีของการทำไฮฟูในการลดพุง
- ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลเร็ว
- ปลอดภัย
ข้อเสียของการทำไฮฟูในการลดพุง
- ไม่ได้ช่วยกำจัดไขมันทั้งหมด
- อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังทำ
การทำไฮฟูในการลดพุงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาพุงย้อย ไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณหน้าท้อง ผู้ที่ไม่อยากผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
การเตรียมตัวก่อนทำไฮฟูในการลดพุง
- งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีไขมันสูงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนทำ
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนทำ
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการรักษาและยาที่รับประทานอยู่
การดูแลหลังทำไฮฟูในการลดพุง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นหรือว่ายน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังทำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษาเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังทำ
- ทายาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่งหากมีอาการบวมหรือแดง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ไฮฟู (Hi-Fu) ระหว่างการตั้งครรภ์
ไฮฟู (Hi-Fu) เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์โฟกัสสูง (High Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานความร้อนลงไปในชั้นผิวลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับขึ้น เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง
โดยปกติแล้ว ไฮฟูถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่แน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทำไฮฟูต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม คลื่นอัลตราซาวด์ไฮฟู่มีความเข้มต่ำ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 J/cm2 ซึ่งถือว่ามีความเข้มต่ำ จึงไม่ส่งผลต่อทารกในครรภ์ แต่ความเจ็บของแม่ระหว่างการทำไฮฟู่อาจส่งผลต่อฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายของแม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทารกทำให้ทารกเกิดภาวะเครียดและอึดอัดในครรภ์
ฉนั้นหากต้องการที่จะทำไฮฟู่ในช่วงตั้งครรภ์สามารถทำได้ควรเลือไฮฟู่ที่ไม่เจ็บเนื่องจากนวัตกรรมไฮฟู่จะมีแตกต่างกัน ในส่วนของ ลินนาคลินิก (LINNA HIFU 8D)ความเจ็บน้อยกว่าไฮฟู่ทั่วไปอย่างมาก ทำให้แม่ที่ทำไฮฟู่ไม่รู้สึกเจ็บมาระหว่างทำกจะไม่ส่งผลให้ทารกมีความรู้สึกอึดอัด ในช่วงระยะเวลาที่ปลอดภัยที่แนะนำในการทำไฮฟู่ คือไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 4-7 เดือน เท่านั้น ก่อนการทำไฮฟู่แนะนำปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำไฮฟูทุกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับไฮฟู (Hi-Fu)
ไฮฟู (Hi-Fu) คืออะไร
ไฮฟู (Hi-Fu) ย่อมาจาก High-Intensity Focused Ultrasound เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิวโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงลงไปใต้ผิวชั้นลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
ไฮฟูช่วยอะไรได้บ้าง
ไฮฟูสามารถช่วยยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก ลบเลือนริ้วรอย ร่องลึก ช่วยให้ผิวเต่งตึง และลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้
ไฮฟูทำอย่างไร
ก่อนทำไฮฟู แพทย์จะทาเจลเย็นให้ทั่วใบหน้าเพื่อลดการระคายเคือง จากนั้นจะใช้เครื่องยิงคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปใต้ผิว โดยแพทย์จะกำหนดตำแหน่งและระดับพลังงานที่เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ระยะเวลาในการทำไฮฟูแต่ละครั้งประมาณ 30-60 นาที
ไฮฟูเจ็บไหม
การทำไฮฟูอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความทนเจ็บของแต่ละบุคคล แพทย์สามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมได้ นอกจากนี้ แพทย์อาจให้ยาชาเฉพาะที่ก่อนทำ เพื่อช่วยลดอาการเจ็บลง
ผลลัพธ์จากการทำไฮฟู
จะเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการทำไฮฟูประมาณ 1 เดือนหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 3 เดือน ผลลัพธ์จากการทำไฮฟูจะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังทำ
การดูแลตนเองหลังทำไฮฟู
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายของคอลลาเจนที่เกิดขึ้นและกำลังฟื้นฟู
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันที่สูง โดยสามารถทาครีมบำรุงผิวทุกชนิดได้ตามปกติ
- ถ้ามีอาการปวดหรือเมื่อยตึงที่ผิวชั้นใน สามารถใช้ยาแก้ปวดทั่วๆไปได้
- งดสูบบุหรี่ และ ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำลายการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือถูบริเวณใบหน้าแรงๆ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ข้อห้ามในการทำไฮฟู
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคลมชัก โรคมะเร็ง หรือท่านใดที่มีโรคประจำตัวอื่นๆแนะนำปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟู่ทุกกรณี
ไฮฟู (Hi-Fu) สำหรับผู้ชาย
ไฮฟู (Hi-Fu) เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดโดยใช้คลื่นเสียงความเข้มข้นสูง (HIFU) เพื่อส่งพลังงานความร้อนไปยังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังที่ยึดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมันไว้ด้วยกัน เมื่อชั้น SMAS ได้รับความร้อน จะเกิดการหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวยกกระชับขึ้น
ไฮฟูสามารถใช้ได้กับผู้ชายและผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียงหรือไขมันสะสมบริเวณแก้ม โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายมักจะมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงกว่า ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีส่วนทำให้คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าผู้หญิง
ผลลัพธ์ของการยกกระชับด้วยไฮฟูจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายใน 1-3 เดือน และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดภายใน 1-3 เดือน โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ประโยชน์ของไฮฟูสำหรับผู้ชาย
- ยกกระชับผิวหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
- ลดเหนียง กรอบหน้าชัดขึ้น
- ลดริ้วรอย ร่องลึกตื้นขึ้น
- ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
- หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ขั้นตอนการทำไฮฟู
ขั้นตอนการทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที โดยแพทย์จะใช้เครื่องส่งคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงไปยังบริเวณที่ต้องการ ในระหว่างการทำคนไข้อาจรู้สึกอุ่นๆ หรือมีความรู้สึกเสียดเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าไม่เจ็บมาก
หลังจากทำไฮฟูเสร็จแล้ว คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยอาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
ข้อควรระวังในการทำไฮฟู
- ห้ามทำไฮฟูหากมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เป็นต้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟูหากมีโรคส่วนตัวใดๆ
- ก่อนการทำไฮฟู่ไม่แนะนำให้โกนหนวดก่อนการทำไฮฟู่ 1-2 วัน (หากท่านใดมีขนหนวดและเคาเยอะแนะนำถ่ายรูปปรึกษาแพทย์ก่อนการทำไฮฟู่
เทคโนโลยีไฮฟู (Hi-Fu) ล่าสุด
เทคโนโลยีไฮฟู (Hi-Fu) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยอาศัยหลักการส่งคลื่นโฟกัสอัลตราซาวด์ลงไปในชั้นผิวหนังลึกเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอย
เทคโนโลยีไฮฟูมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ดังนี้
ลินนาคลินิกใช้ Singulato ซึ่งเป็นเครื่อง HIFU 8D เป็นเทคโนโลยี HIFU ระดับพรีเมียม ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีประสิทธิภาพสูงในการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด Singulato มีหัวยิง 8 แบบ ที่สามารถปรับพลังงานความร้อนได้ 10 ระดับ ช่วยให้แพทย์สามารถปรับพลังงานความร้อนได้อย่างแม่นยำ เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ยังใช้เทคโนโลยี TDT (Thermal Diffusion Technology) ที่ช่วยกระจายพลังงานความร้อนให้ทั่วบริเวณที่ทำการรักษา โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อและผิวบริเวณรอบข้าง
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีไฮฟูที่เน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น เทคโนโลยี HIFU ยกคิ้ว เทคโนโลยี HIFU ยกกระชับกรอบหน้า เทคโนโลยี HIFU ยกกระชับเหนียง เป็นต้น
เทคโนโลยีไฮฟูเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยสามารถเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 1-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
ทำไฮฟู (Hi-Fu) เพื่อลดน้ำหนัก
การทำไฮฟูเพื่อลดน้ำหนักนั้นสามารถทำได้จริง แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าไฮฟูไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักโดยตรงได้ แต่เป็นวิธีการช่วยกระชับผิวและลดไขมันส่วนเกินเท่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้เล็กน้อย
การไฮฟูทำงานโดยการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงไปยังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนัง คลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดความร้อนและทำลายเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้ไขมันถูกสลายและขับออกจากร่างกาย ผลลัพธ์ของการไฮฟูจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นภายใน 1-3 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์สูงสุดภายใน 6-12 เดือน
การทำไฮฟูเพื่อลดน้ำหนักนั้นมักทำร่วมกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีขึ้น โดยการออกกำลังกายจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และการควบคุมอาหารจะช่วยควบคุมปริมาณแคลอรีที่บริโภค ส่งผลให้น้ำหนักลดลงได้
ตัวอย่างของบริเวณที่ทำไฮฟูเพื่อลดน้ำหนัก ได้แก่
- หน้าท้อง
- แขน
- ต้นขา
- สะโพก
หากผู้ที่มีไขมันเยอะมากๆแพทย์อาจมีการแนะนำทางเลือกอื่นในการลดไขมัน และหลังจากนั้นจึงแนะนำในการทำไฮฟู่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับคุณ
ไฮฟู (Hi-Fu) หลังลดน้ำหนัก
ไฮฟู (Hi-Fu) สามารถช่วยยกกระชับผิวได้ หลังลดน้ำหนัก เนื่องจากคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับขึ้น
ผลลัพธ์ของการทำไฮฟูหลังลดน้ำหนักจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณน้ำหนักที่ลดลง สภาพผิวเดิม อายุ รวมไปถึงเทคนิคการทำของแพทย์ผู้ทำการรักษา
โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มเห็นผลความกระชับเล็กน้อยหลังทำทันที และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเมื่อครบ 1-3 เดือน ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละคน
การทำไฮฟูหลังลดน้ำหนักมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- เป็นวิธียกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- การทำไฮฟูโดยปกติจะแปะยาชาทิ้งไว้ 30 นาที และใช้เวลาทำอีกประมาณ 30-60 นาที หากทำไฮฟู่ที่ ลินนาคลินิก (LINNA CLINIC) ทั่วทั้งใบหน้าระยะเวลาอยู่ที่ 15 นาทีโดยที่ไม่ต้องแปะยาชา
- ผลลัพธ์เห็นผลชัดเจน และอยู่ได้นาน
อย่างไรก็ตาม การทำไฮฟูหลังลดน้ำหนักก็มีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกเทคนิคการทำที่เหมาะสม
- อาจมีความรู้สึกเจ็บขณะทำเล็กน้อย
- อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น บวมแดง ชา หลังทำ ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
สำหรับผู้ที่สนใจทำไฮฟูหลังลดน้ำหนัก ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกหรือสถานเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย